พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องครอบครองปรปักษ์: แม้ไม่ได้ใช้คำว่า 'เจตนาเป็นเจ้าของ' ก็มีประเด็นให้สืบได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่า "จำเลยครอบครองที่ดินติดต่อกันมากว่า 10 ปี ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองอันชอบด้วยกฎหมาย" ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ต่อสู้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของแล้ว จำเลยจึงย่อมมีประเด็นที่จะสืบในข้อนี้ โดยไม่จำต้องระบุถึงข้อความว่า จำเลยได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของไว้ในคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาเอกสารประกอบการต่อสู้คดี ศาลรับฟังได้แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนวันสืบพยาน
จำเลยอ้างเอกสารเป็นประเด็นในคำให้การ และวันชี้สองสถานศาลได้เรียกเอกสารนั้นไปจากจำเลย แล้วให้โจทก์ดูเอกสารนั้นแล้ว เช่นนี้จำเลยหาจำต้องส่งสำเนาเอกสารให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานอีกไม่ และอนึ่งการที่ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นไม่ถึงกับทำให้ศาลรับฟังเอกสารนั้นไม่ได้เสียทีเดียว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่: เพียงกล่าวอ้างเช่าเพื่อทำการค้าถือว่าเพียงพอ แม้ไม่ได้ระบุประเภทการค้า
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อทำการค้า เป็นการเพียงพอที่แสดงว่าจำเลยเช่าเพื่อทำการค้า ไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัย โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าจำเลยทำการค้าอะไร จำเลยไม่เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีอาญาเรื่องทำร้ายร่างกาย: การคัดค้านข้อเท็จจริงเกินขอบเขตการฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยทางป้องกันพอสมควรแก่เหตุเช่นนี้ โจทก์จะฎีกาว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุก็เป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงต้องห้าม (อ้างฎีกาที่ 931/2494)
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไป แต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลย ดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริง โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่.
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไป แต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลย ดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริง โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินโดยบริษัทและการต่อสู้คดีเรื่องการรับเงินและวัตถุประสงค์ของบริษัท
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ซึ่งตามสัญญามีข้อความชัดว่าผู้กู้ได้รับเงินไปแล้ว จำเลยต่อสู้เพียงว่าไม่ได้รับเงินไป เหตุใดจึงไม่มีการรับเงินอันจะทำให้สัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ไม่สมบูรณ์ จำเลยหาได้กล่าวอ้างอย่างใดไม่ ดังนี้จำเลยจะขอนำสืบไม่ได้ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ในวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อ 11 ระบุไว้ว่า "ฯลฯ ทำการนำทรัพย์สินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดหรือบางส่วนฯลฯ จำนำ จำนอง เอาค้ำประกันจำหน่ายไปหมุนส่งเป็นตัวเงินหรือจัดการอย่างใดก็ได้สุดแต่บริษัทจะเห็นสมควร" ดังนี้เมื่อการกู้ยืมโดยเอาทรัพย์สินของบริษัทมอบไว้หรือตราไว้เป็นประกันเงินกู้ซึ่งเรียกว่าจำนำหรือจำนองได้แล้วและการกู้ยืมธรรมดาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้โดยสิ้นเชิง ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอำนาจของบริษัทที่จะทำได้การกู้ เช่นนี้จึงไม่เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย ฎีกาที่ 246/2485799/2493 1111/2496
ในวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อ 11 ระบุไว้ว่า "ฯลฯ ทำการนำทรัพย์สินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดหรือบางส่วนฯลฯ จำนำ จำนอง เอาค้ำประกันจำหน่ายไปหมุนส่งเป็นตัวเงินหรือจัดการอย่างใดก็ได้สุดแต่บริษัทจะเห็นสมควร" ดังนี้เมื่อการกู้ยืมโดยเอาทรัพย์สินของบริษัทมอบไว้หรือตราไว้เป็นประกันเงินกู้ซึ่งเรียกว่าจำนำหรือจำนองได้แล้วและการกู้ยืมธรรมดาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้โดยสิ้นเชิง ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอำนาจของบริษัทที่จะทำได้การกู้ เช่นนี้จึงไม่เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย ฎีกาที่ 246/2485799/2493 1111/2496
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่เมื่ออ้างเหตุรับมรดกและครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยบรรยายฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินจำเลยไม่ใช่ทายาทไม่มีสิทธิรับมรดกแต่แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นทายาทโจทก์ก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปีแล้วฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการแสดงสิทธิโดยอ้างเหตุ 2 ประการซึ่งจำเลยเข้าใจและสามารถต่อสู้คดีได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีอาญา: ความแตกต่างของรายละเอียดบาดแผลไม่ทำให้ข้อกล่าวหาเปลี่ยนไป หากจำเลยต่อสู้ประเด็นสำคัญ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายที่ศีรษะแง่ซ้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่แง่ขวา ดังนี้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางพิจารณาต่างกับฟ้อง เพราะจำเลยก็เจตนาสู้ข้อหาตรงประเด็นว่า ได้ตีหัวผู้เสียหายหรือเปล่าเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีเรื่องหนี้สินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามฟอร์มสัญญา การนำสืบพยานนอกประเด็นที่ให้การไว้ไม่รับฟัง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยต่อสู้ไว้เพียงว่าใช้เงินให้บ้างแล้ว และโจทก์รับว่าจะบันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้ให้ ดังนี้ ตามคำต่อสู้ของจำเลยไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสือแต่อย่างใดจำเลยจะนำพยานมาสืบถึงการใช้เงินไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 653 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ส่วนข้อที่จำเลยนำพยานมาสืบว่าโจทก์ได้บันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้แล้ว (ถูกฉีกขาดหายไป) นั้น เป็นการนำสืบนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จึงรับฟังไม่ได้
ส่วนข้อที่จำเลยนำพยานมาสืบว่าโจทก์ได้บันทึกการใช้เงินไว้ท้ายสัญญากู้แล้ว (ถูกฉีกขาดหายไป) นั้น เป็นการนำสืบนอกประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนของฟ้องอาญาเกี่ยวกับความประมาท ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ถือเป็นฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถรางโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถยนตร์ของผู้อื่นเสียหาย แต่ฟ้องโจทก์ไม่บรรยายข้อความว่า จำเลยขับรถรางโดยประมาทนั้นประมาทด้วยอาการอย่างใด หรือชนรถยนตร์เสียหายนั้น ชนในลักษณะอย่างไร ซึ่งจะเป็นเหตุให้แสดงถึงความประมาท เพื่อจำเลยจะได้รู้และต่อสู้ได้ ดังนี้ย่อมไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการต่อสู้คดีจำกัดเฉพาะการฉ้อฉล ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่จำเลยต่อสู้เท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฉ้อฉลหลอกลวงให้ถอนชื่อโจทก์และสามีออกจากโฉนดแล้วลงชื่อจำเลย จึงขอให้ศาลถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดคืนที่ดินแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่มีกลฉ้อฉลเท่านั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ และการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนดังมาตรา 142(5)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอนุญาตให้ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
กำหนดเวลาบอกล้างโมฆียะกรรม ไม่ใช่อายุความฟ้องร้อง
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่มีกลฉ้อฉลเท่านั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ และการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนดังมาตรา 142(5)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอนุญาตให้ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
กำหนดเวลาบอกล้างโมฆียะกรรม ไม่ใช่อายุความฟ้องร้อง