พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาอุทธรณ์คำวินิจฉัยคชก.จังหวัด: นับแต่วันมีคำวินิจฉัย แม้ผู้ถูกวินิจฉัยยังไม่ทราบ
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา57 กำหนดระยะเวลาให้คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัด ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยได้อย่างช้าที่สุดไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย กำหนดระยะเวลาดังกล่าวไม่คำนึงถึงว่าผู้อุทธรณ์ได้ทราบถึงคำวินิจฉัยนั้นแล้วหรือไม่ เมื่อ คชก.จังหวัด มีคำวินิจฉัย วันที่ 29 พฤษภาคม 2533 แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยในวันที่ 13 สิงหาคม 2533 ซึ่งพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย โจทก์จึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก.จังหวัด: นับแต่วันมีคำวินิจฉัย แม้ผู้อุทธรณ์ยังไม่ทราบ
พระราชบัญญัติ ญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57ได้กำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดไว้อย่างช้าที่สุดไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัยกำหนดระยะเวลาอย่างช้าที่สุดดังกล่าวไม่คำนึงว่าผู้อุทธรณ์ได้ทราบถึงคำวินิจฉัยนั้นแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5543/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจ คชก. และการใช้สิทธิทางศาล: การบุกรุกที่ดินจากการบังคับใช้คำสั่ง
คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่าที่พิพาทซึ่งไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลหรือคชก.จังหวัดแล้วแต่กรณี ต้องใช้สิทธิทางศาล แม้โจทก์จะฝ่าฝืนคำสั่งของ คชก.ตำบล และมีความผิดตามพ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ฯ มาตรา 62 คชก.ตำบลก็ต้องใช้สิทธิทางศาลด้วย จำเลยซึ่งเป็นกรรมการ คชก.ตำบลจึงไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถในไร่อ้อยของโจทก์ และมีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5543/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจ คชก. และสิทธิทางศาล: การบังคับคดีและการบุกรุกหลังสิ้นสุดสัญญาเช่า
คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่าที่พิพาทซึ่งไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลหรือ คชก. จังหวัดแล้วแต่กรณี ต้องใช้สิทธิทางศาล แม้โจทก์จะฝ่าฝืนคำสั่งของ คชก.ตำบล และมีความผิดตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมฯ มาตรา 62 คชก.ตำบลก็ต้องใช้สิทธิทางศาลด้วย จำเลยซึ่งเป็นกรรมการ คชก.ตำบลจึงไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถในไร่อ้อยของโจทก์ และมีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ต้องเป็นกรณีมีปัญหาความสัมพันธ์ผู้เช่า-ผู้ให้เช่าเท่านั้น
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 56,57 ผู้ที่จะมีสิทธิร้องขอต่อ คชก.ตำบล วินิจฉัยเกี่ยวกับ ที่ดินที่เช่า และอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลต่อ คชก.จังหวัด เมื่อ ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ นั้น จะ ต้องเป็นกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า แต่ ขณะ ที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับโจทก์ มิใช่ผู้เช่า นา พิพาท จาก จำเลยจึงมิใช่ผู้เช่าตามพระราชบัญญัตินี้ โจทก์จึง ไม่มี สิทธิ ร้องขอ ต่อ คชก.ตำบล วินิจฉัยหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัด ต่อ ศาล โจทก์ จึงไม่อาจนำปัญหาในฐานะผู้เช่านาเดิม และการเช่าระงับไปแล้วนั้นมาอาศัยสิทธิดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4658/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำวินิจฉัยคชก.มีผลผูกพัน-บังคับได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามศาลต้องพิพากษาตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก. ตำบล) ซึ่งชี้ขาดว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง ง. กับจำเลยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ ให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยได้ในราคา 65,000 บาท คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลดังกล่าวเป็นที่สุดแล้วเนื่องจากจำเลยมิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลต่อ คชก. จังหวัด พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องต่อศาล และในการพิจารณาของศาลให้ถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลเป็นคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการใน ป.วิ.พ. มาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาตามคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว และตามป.วิ.พ. มาตรา 221 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะที่ คชก. ตำบลมีคำวินิจฉัย และขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง ถ้าศาลเห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อกฎหมายประการใดประการหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติวรรคสุดท้ายแห่ง มาตรา 218 มาใช้บังคับ คือศาลมีอำนาจทำคำสั่งปฏิเสธไม่ยอมพิพากษาตามคำชี้ขาดนั้น ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้อง จำเลยอาจให้การว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลดังกล่าวขัดต่อกฎหมายได้ แต่คดีนี้จำเลยหาได้ให้การเช่นนั้นไม่ และปรากฏว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลเป็นคำวินิจฉัยตรงตามประเด็นที่โจทก์ฟ้อง คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลจึงเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและศาลย่อมต้องพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจควบคุมดูแล คชก. ของนายอำเภอและการแจ้งข้อเท็จจริงต่อ คชก. ไม่ถือเป็นการละเมิด
นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบล (คชก.) ในท้องที่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2)
โจทก์ผู้เช่าที่นามีกรณีพิพาทกับเจ้าของที่นา และอยู่ระหว่างคชก. ตำบลกำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก. ตำบล แจ้งว่าโจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่พิพาทต่อหน้าศาลแล้ว ขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ประธานคชก. ตำบลจึงทำหนังสือถึงโจทก์แจ้งให้ทราบว่าจำเลยมีหนังสือให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาพิพาทและคืนนาให้เจ้าของเป็นเหตุให้โจทก์ออกไปจากที่นาพิพาท ดังนี้ เป็นกรณีที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริตอันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก. ตำบลให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
โจทก์ผู้เช่าที่นามีกรณีพิพาทกับเจ้าของที่นา และอยู่ระหว่างคชก. ตำบลกำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก. ตำบล แจ้งว่าโจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่พิพาทต่อหน้าศาลแล้ว ขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ประธานคชก. ตำบลจึงทำหนังสือถึงโจทก์แจ้งให้ทราบว่าจำเลยมีหนังสือให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาพิพาทและคืนนาให้เจ้าของเป็นเหตุให้โจทก์ออกไปจากที่นาพิพาท ดังนี้ เป็นกรณีที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริตอันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก. ตำบลให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอควบคุมดูแล คชก. และการกระทำที่ไม่เป็นละเมิดจากหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในศาล
นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ตำบลในเขตท้องที่ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2) การที่จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก.ตำบล แจ้งว่า โจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่นาพิพาทต่อหน้าศาลแล้วขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมีหนังสือถึงประธาน คชก.ตำบล โดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริต อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก.ตำบล ให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้นแม้ความจริงจะไม่ใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์กับเจ้าของที่นา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอควบคุมดูแล คชก. และความรับผิดทางละเมิดจากการแจ้งข้อเท็จจริงตามสัญญา
นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบล (คชก.) ในท้องที่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2) โจทก์ผู้เช่าที่นามีกรณีพิพาทกับเจ้าของที่นา และอยู่ระหว่างคชก. ตำบลกำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก. ตำบล แจ้งว่าโจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่พิพาทต่อหน้าศาลแล้ว ขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ประธานคชก. ตำบลจึงทำหนังสือถึงโจทก์แจ้งให้ทราบว่าจำเลยมีหนังสือให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาพิพาทและคืนนาให้เจ้าของเป็นเหตุให้โจทก์ออกไปจากที่นาพิพาท ดังนี้ เป็นกรณีที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริตอันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก. ตำบลให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง คชก. และการบอกเลิกสัญญาเช่านาที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก.ตำบล) และคณะกรรมการเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัด (คชก.จังหวัด) ตาม พ.ร.บ.การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 แต่ ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวเพียงบัญญัติว่า คชก.ตำบล และ คชก.จังหวัด ประกอบด้วย บุคคลใด บ้างไม่มีกฎหมายรับรองให้คณะกรรมการดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาแต่อย่างใด คณะกรรมการดังกล่าวจึงไม่อยู่ในฐานะ ที่ถูก ฟ้องร้องได้
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
โจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้จำเลยผู้เช่านา และส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวพร้อมทั้งแสดงเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่า ไปยังคณะกรรมการควบคุมการเช่า ประจำอำเภอแล้วก่อนสิ้นระยะเวลาการเช่านาเกินกว่า 1 ปี และคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอมิได้ยับยั้งการบอกเลิกการเช่านาตาม พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านาพ.ศ. 2517 มาตรา 39 วรรคท้าย การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์จึงชอบด้วย กฎหมาย และมีผลใช้ บังคับ แม้ระหว่างสัญญาการเช่านายังไม่สิ้นสุดลง พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 จะถูก ยกเลิกโดยพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 แต่ มาตรา 66แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้ถือว่าการเช่านาที่อยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 เป็นการเช่านาที่อยู่ในบังคับแห่งพ.ร.บ. ฉบับ ใหม่ต่อไป และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ได้ บัญญัติเงื่อนไขและวิธีการที่ผู้ให้เช่านาจะต้อง ปฏิบัติเมื่อประสงค์จะให้การเช่า นาสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านาไว้เช่นเดียวกับมาตรา 39แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ด้วย การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์จึงชอบด้วย กฎหมายและมีผลใช้ บังคับต่อไป
เมื่อสัญญาเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจะเข้าทำนาของโจทก์ได้ อีกต่อเมื่อโจทก์มิได้ลงมือทำประโยชน์ภายใน1 ปี และจำเลยแสดงความจำนง จะเช่า นา ซึ่ง โจทก์จะต้อง ให้จำเลยเช่า นา เว้นแต่โจทก์จะร้องต่อ คชก.ตำบล ก่อนสิ้นกำหนด 1 ปีเพื่อขอขยายเวลาการเข้าทำประโยชน์ในที่นานั้นตาม มาตรา 38 แห่งพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เท่านั้น แต่ จำเลยร้องขอต่อ คชก.ตำบล ขอเช่า ทำนาของโจทก์ หลังจากสัญญาการเช่านาสิ้นสุดลงไม่ถึง 1 ปี และไม่ปรากฏว่าโจทก์ลงมือทำประโยชน์แล้วหรือไม่ คชก.ตำบล จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยคำร้อง ของ จำเลย เนื่องจากพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 หามีบทบัญญัติใด ให้อำนาจ คชก.ตำบล ที่จะวินิจฉัยคำร้อง ของ ผู้เช่านาในกรณีเช่นนี้ไม่
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
โจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้จำเลยผู้เช่านา และส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวพร้อมทั้งแสดงเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่า ไปยังคณะกรรมการควบคุมการเช่า ประจำอำเภอแล้วก่อนสิ้นระยะเวลาการเช่านาเกินกว่า 1 ปี และคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอมิได้ยับยั้งการบอกเลิกการเช่านาตาม พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านาพ.ศ. 2517 มาตรา 39 วรรคท้าย การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์จึงชอบด้วย กฎหมาย และมีผลใช้ บังคับ แม้ระหว่างสัญญาการเช่านายังไม่สิ้นสุดลง พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 จะถูก ยกเลิกโดยพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 แต่ มาตรา 66แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้ถือว่าการเช่านาที่อยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 เป็นการเช่านาที่อยู่ในบังคับแห่งพ.ร.บ. ฉบับ ใหม่ต่อไป และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ได้ บัญญัติเงื่อนไขและวิธีการที่ผู้ให้เช่านาจะต้อง ปฏิบัติเมื่อประสงค์จะให้การเช่า นาสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านาไว้เช่นเดียวกับมาตรา 39แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ด้วย การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์จึงชอบด้วย กฎหมายและมีผลใช้ บังคับต่อไป
เมื่อสัญญาเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจะเข้าทำนาของโจทก์ได้ อีกต่อเมื่อโจทก์มิได้ลงมือทำประโยชน์ภายใน1 ปี และจำเลยแสดงความจำนง จะเช่า นา ซึ่ง โจทก์จะต้อง ให้จำเลยเช่า นา เว้นแต่โจทก์จะร้องต่อ คชก.ตำบล ก่อนสิ้นกำหนด 1 ปีเพื่อขอขยายเวลาการเข้าทำประโยชน์ในที่นานั้นตาม มาตรา 38 แห่งพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เท่านั้น แต่ จำเลยร้องขอต่อ คชก.ตำบล ขอเช่า ทำนาของโจทก์ หลังจากสัญญาการเช่านาสิ้นสุดลงไม่ถึง 1 ปี และไม่ปรากฏว่าโจทก์ลงมือทำประโยชน์แล้วหรือไม่ คชก.ตำบล จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยคำร้อง ของ จำเลย เนื่องจากพ.ร.บ. การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 หามีบทบัญญัติใด ให้อำนาจ คชก.ตำบล ที่จะวินิจฉัยคำร้อง ของ ผู้เช่านาในกรณีเช่นนี้ไม่