คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีก่อน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 155 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2950/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การผิดสัญญาหลายงวด แม้มีสิทธิฟ้องได้ แต่หากไม่ได้ฟ้องในคดีก่อน ถือเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 2 พร้อมด้วยค่าปรับแก่โจทก์ เมื่อระหว่างจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้างงวดที่ 2 จำเลยก็กระทำผิดสัญญาในงวดที่ 3 ด้วย โดยขัดขวางมิให้โจทก์ทำการก่อสร้างงานงวดที่ 3 ต่อไปให้เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยว่าผิดสัญญางวดที่ 3 ซึ่งเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อน แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้อง เมื่อมาฟ้องเป็นคดีนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีก่อน: โจทก์ถูกผูกพันตามคำพิพากษาเดิม จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีใหม่
คดีก่อน กรมทางหลวงเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้กับ ส.ลูกจ้างของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 คดีนี้เป็นจำเลย หาว่าส. ขับรถยนต์โดยสารในทางการที่จ้างของโจทก์และจำเลย ที่ 1ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทโดยต่างขับเคียงคู่ใกล้ชิดกันด้วยความเร็วสูงในลักษณะแข่งขันความเร็วกัน เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันกระแทกกันจนรถยนต์โดยสารแฉลบออกไปชนเสาและราวเกาะกลางถนนกับเสาไฟฟ้าของกรมทางหลวงเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสี่ (ในคดีก่อน)ใช้ค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุละเมิดเกิดจากความผิดของรถยนต์บรรทุกน้ำมันอีกคันหนึ่งขับแซงเบียดกระแทกรถยนต์บรรทุกทำให้รถยนต์บรรทุกเสียหลักไปชนรถยนต์โดยสารหาใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 คดีนี้และ ส. ไม่ พิพากษายกฟ้อง โจทก์มาฟ้องคดีนี้ โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่โจทก์ให้การต่อสู้ในคดีก่อนว่า จำเลยที่ 1 คดีนี้ขับรถเบนออกมาทางด้านขวาเข้ามาชนรถยนต์โดยสารของโจทก์เสียหลักพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนนเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว เช่นนี้ เห็นได้ว่าประเด็นข้อพิพาทโดยตรงในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นอย่างเดียวกันว่า ส.ลูกจ้างของโจทก์หรือจำเลยที่ 1 คดีนี้เป็นฝ่ายขับรถยนต์โดยประมาทแม้ว่าในคดีก่อน โจทก์กับ ส. ลูกจ้าง และจำเลยที่ 1 ที่ 2 คดีนี้จะเป็นจำเลยด้วยกันก็ตามก็ต้องถือว่าโจทก์เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของ ศาลในคดีก่อนด้วยคำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพัน โจทก์คดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถยนต์บรรทุกโดย ประมาทดังข้ออ้างในฟ้องเป็นความประมาทของรถยนต์บรรทุกน้ำมันอีกคันหนึ่ง โจทก์จะโต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทหาได้ไม่
เมื่อโจทก์ต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีก่อนโดยผลของกฎหมายว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เท่ากับว่า จำเลยที่ 1 รวมทั้งจำเลยอื่น (นายจ้างของจำเลยที่ 1 และผู้รับประกันภัยรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ) ไม่ได้ โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องย่อมเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาเดิมต่อคดีใหม่ & อำนาจฟ้อง: เมื่อข้อพิพาทซ้ำกับคดีก่อน โจทก์ถูกผูกพันตามคำพิพากษาเดิม
คดีก่อน กรมทางหลวงเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้กับ ส.ลูกจ้างของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 คดีนี้เป็นจำเลย หาว่า ส. ขับรถยนต์โดยสารในทางการที่จ้างของโจทก์และจำเลย ที่ 1ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทโดยต่างขับเคียงคู่ใกล้ชิดกันด้วยความเร็วสูงในลักษณะแข่งขันความเร็วกัน เป็นเหตุให้รถทั้งสองคัน กระแทกกันจนรถยนต์โดยสารแฉลบออกไปชนเสาและราวเกาะกลางถนนกับ เสาไฟฟ้าของกรมทางหลวงเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสี่ (ในคดีก่อน)ใช้ค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟัง ข้อเท็จจริงว่า เหตุละเมิดเกิดจากความผิดของรถยนต์บรรทุกน้ำมัน อีกคันหนึ่งขับแซงเบียดกระแทกรถยนต์บรรทุกทำให้รถยนต์บรรทุก เสียหลักไปชนรถยนต์โดยสารหาใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 คดีนี้และ ส. ไม่ พิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องคดีนี้ โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่โจทก์ให้การต่อสู้ในคดีก่อนว่า จำเลยที่ 1 คดีนี้ขับรถเบนออกมาทางด้านขวาเข้ามาชน รถยนต์โดยสารของโจทก์เสียหลักพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนน เป็นความ ประมาทของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว เช่นนี้ เห็นได้ว่า ประเด็นข้อพิพาทโดยตรงในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นอย่างเดียวกันว่า ส.ลูกจ้างของโจทก์หรือจำเลยที่ 1 คดีนี้เป็น ฝ่ายขับรถยนต์โดยประมาทแม้ว่าในคดีก่อน โจทก์กับ ส. ลูกจ้าง และจำเลยที่ 1 ที่ 2 คดีนี้จะเป็นจำเลยด้วย กันก็ตามก็ต้องถือว่าโจทก์เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของ ศาลในคดีก่อนด้วยคำพิพากษาในคดีก่อนจึงมีผลผูกพัน โจทก์คดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถยนต์บรรทุกโดย ประมาทดังข้ออ้างในฟ้องเป็นความประมาทของรถยนต์บรรทุกน้ำมันอีกคันหนึ่ง โจทก์จะโต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่าย ประมาทหาได้ไม่
เมื่อโจทก์ต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีก่อนโดยผลของกฎหมายว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เท่ากับ ว่า จำเลยที่ 1รวมทั้งจำเลยอื่น (นายจ้างของจำเลยที่ 1 และผู้รับประกันภัยรถยนต์ ที่จำเลยที่ 1 ขับ) ไม่ได้ โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องย่อมเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การที่จำเลยไม่ยกเหตุแก้ต่างที่มีอยู่แล้วในคดีก่อน แล้วกลับฟ้องร้องใหม่ในประเด็นเดิม ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
คดีนี้กับคดีก่อนมีคู่ความเดียวกัน มรดกที่พิพาทรายเดียวกัน คดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า ในระหว่างโจทก์กับจำเลยใครมีสิทธิรับมรดก คดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยศาลวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับที่นำมาฟ้องในคดีก่อนสมบูรณ์ โจทก์คดีก่อนมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมแต่ผู้เดียว โจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับนำมาฟ้องโจทก์คดีก่อนเป็นจำเลยคดีนี้เรียกเอามรดกรายเดียวกันอีกโดยอ้างพินัยกรรมฉบับใหม่ ดังนี้ แม้เหตุที่อ้างในคดีนี้จะต่างกับคดีก่อนโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมฉบับใหม่ก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังนี้ก็มีอยู่แล้วก่อนพิพาทกันในคดีก่อน โจทก์คดีนี้ชอบที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนได้ แต่ก็หาได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุที่ตนมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคดีก่อนมารื้อร้องฟ้องกันอีกฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีก่อนผูกพันคู่ความในคดีหลัง และการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุใหม่ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
ในคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้เพราะเป็นคู่ความรายเดียวกัน ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จึงเป็นการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุขึ้นใหม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นข้อพิพาทเดิมในคดีก่อนย่อมเป็นฟ้องซ้ำ แม้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้แล้วเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ จึงเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับฟ้องเป็นไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ เมื่อโจทก์อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดียังไม่เป็นการถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ได้
ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อน โจทก์จำเลยได้ตกลงกันถึงเขตที่ดินราชพัสดุที่โจทก์จำเลยเช่าและเรื่องหลังคาเรือนจำเลยว่าไม่รุกล้ำเข้าไปในส่วนที่โจทก์เช่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จะกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่าจำเลยทำหลังคารุกล้ำเข้าไปในที่ดินราชพัสดุที่โจทก์เช่า ซึ่งเป็นการกระทำก่อนมีการฟ้องคดีก่อนย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 148
เมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้องแล้ว ไม่ว่าศาลจะสั่งคำฟ้องประการใดจำเลยย่อมเป็นคู่ความ และในกรณีที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง แม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์ จำเลยก็มีสิทธิแก้อุทธรณ์ได้มิใช่เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988-2993/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อตกลงตัดสินคดีหลังได้ หากผลเป็นไปตามที่ตกลง จำเลยชนะโดยไม่ต้องสืบพยาน
การที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้และตกลงท้ากันว่า ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็นนั้นเป็นเรื่องขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดีหาใช่ถือเอาผลคำวินิจฉัยในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้น เมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไว้แน่นอน และที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์แพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงตรงตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988-2993/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนมีผลผูกพันคดีหลังตามข้อตกลงท้าทาย หากผลเป็นไปตามที่ตกลง
การที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าข้อเท็จจริงในคดีก่อนเป็นอย่างเดียวกับคดีนี้และตกลงท้ากันว่า ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยก็ชนะคดีทุกประเด็นนั้นเป็นเรื่องขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดีหาใช่ถือเอาผลคำวินิจฉัยในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งเป็นข้อแพ้ชนะไม่ ฉะนั้น เมื่อคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไว้แน่นอน และที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย เป็นการพิพากษานอกประเด็น ผลก็คือโจทก์แพ้คดีโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงตรงตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2579/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีใหม่ แม้ถูกฟ้องในคดีก่อน และคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด
การที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อนแล้วขาดนัดยื่นคำให้การ และคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น หาได้มีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ เพราะไม่ใช่เป็นกรณีฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้มิได้เป็นโจทก์ในคดีก่อน และมิใช่เป็นการฟ้องซ้ำตามมาตรา 148 เพราะคดีก่อนยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีก่อนว่า ที่พิพาทในคดีนี้เป็นมรดกของบิดามารดา และขอส่วนแบ่งจากโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายแพ่งแล้วเพราะโจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิใช่ทรัพย์มรดกที่จำเลยจะมาขอแบ่ง ดังนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีก่อนผูกพันคดีหลัง: สิทธิในมรดกของบุตรบุญธรรมที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีก่อนซึ่งศาลฎีกาพิพากษาว่า จำเลยไม่มีสิทธิได้รับมรดกของ ป.จำเลยจึงไม่ใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันจำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ดังนั้น คดีนี้จึงต้องฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับมรดกของ ป. เพราะมิใช่ทายาท
of 16