คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีขับไล่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรียกคืนเงินกินเปล่าและค่าเสียหายควบคู่กับคดีขับไล่ สิทธิเรียกร้องไม่เป็นเงื่อนไข
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิมาจากผู้ให้เช่าเดิม. จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ให้เช่าเดิมให้จำเลยเช่า. เป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยยอมให้ผู้ให้เช่าเดิมหักหนี้ 100,000 บาทกับจำเลยได้ซ่อมแซมห้องเช่าอีก 5,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าเดิมสัญญาให้จำเลยเช่าตลอดชีวิต. จำเลยจึงขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม. และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับให้โจทก์กับผู้ให้เช่าเดิม จดทะเบียนการเช่ารายนี้ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องก็ขอให้ศาลพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ร่วมกันคืนเงินหนึ่งแสนบาท. ใช้ค่าซ่อมบ้าน 5,000 บาทกับค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 1,870 บาท. คำฟ้องแย้งนี้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข. เพราะถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและขับไล่จำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้ว. จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินกินเปล่าคืน. หรือได้รับค่าสินไหมทดแทนแต่ประการใดแต่ถ้าคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลยแล้ว.ก็ย่อมบังคับตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้.
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า. ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น. มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย. หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้.ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ร้องสอดในคดีขับไล่: การบังคับรื้อถอนเมื่ออ้างสิทธิแต่พิสูจน์ไม่ได้
ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) และ (3) มีสิทธิ์เสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ อาจได้รับหรือถูกบังคับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ผู้ร้องสอดเข้ามาต่อสู้คดีกับโจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอด แต่ผู้ร้องสอดนำสืบไม่สม ผู้ร้องสอดจึงต้องรับผิดตามคำพิพากษา เมื่อผู้ร้องสอดเข้ายึดถือที่พิพาทโดยปราศจากสิทธิ์ใด ๆ อันจะพึงอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องสอดจึงต้องถูกบังคับให้รื้อถอนไป หาเป็นการบังคับคดีนอกฟ้องหรือเกินคำขอไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการรับฟังพยานหลักฐานนอกบัญชีรายชื่อ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในคดีขับไล่
ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ขอให้ศาลบังคับขับไล่และผู้ร้องอ้างว่าไม่ใช่บริวาร จึงเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องไต่สวนให้ได้ความจริงก่อนที่จะออกหมายบังคับขับไล่เขา ในการที่จะรับฟังพยานหลักฐานของผู้ร้องนั้น แม้ผู้ร้องจะมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานแต่เป็นความจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นในคดี เพื่อเอาประโยชน์แห่งความยุติธรรมแล้ว ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟ้องแย้งในคดีขับไล่: ต้องรับฟ้องแย้งก่อนชี้ขาดประเด็นสัญญาต่างตอบแทน
ฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้เสียเงินกินเหล่าแก่โจทก์เพื่ออยู่ 9 ปี และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 3 ปี เพื่อจะได้อยู่ครบ 9 ปี นั้น แม้เป็นการเช่าเกิน 3 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนก็ตาม แต่จำเลยเถียงว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมิใช่สัญญาเช่าธรรมดา จึงควรรับฟ้องแย้งไว้ก่อน เพราะจะชี้ขาดในประเด็นนี้ก่อนรับฟ้องแย้งหาควรไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานนอกประเด็น การครอบครองมรดก และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในคดีขับไล่
ฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินมรดก จำเลยเป็นทายาทครอบครองร่วมกันมากับโจทก์ ข้อที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยครอบครองมา เพราะเจ้ามรดกยกให้เป็นส่วนสัดตั้งแต่ก่อนเจ้ามรดกตายไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่ของผู้รับอาศัย แม้มิได้เป็นผู้จัดการมรดก
ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์และบิดาโจทก์ได้ร่วมกันเช่าที่พิพาทมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจำเลยไม่ได้เช่าช่วงที่พิพาทจากบิดาโจทก์ บิดาโจทก์ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าให้จำเลยอาศัย โจทก์ไม่ได้ทักท้วงต้องถือว่าโจทก์ยินยอมด้วย ต่อมาบิดาโจทก์ตายโจทก์ได้บอกให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของบิดาโจทก์ๆก็ฟ้องขับไล่จำเลยได้ เพราะจำเลยอยู่ในฐานะอาศัยโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องความสามารถของโจทก์ก่อนพิพากษาคดีขับไล่ แม้มีข้อจำกัดตามกฎหมาย
การที่หญิงมีสามีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จะปรากฏว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และบ้านนั้นเป็นสินบริคณห์ ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามรถไม่ควรจะยกมาตาา 1469 มายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องความสามารถของโจทก์ก่อนพิพากษาคดีขับไล่
การที่หญิงมีสามีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จะปรากฏว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และบ้านนั้นเป็นสินบริคณห์ ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถไม่ควรจะยกมาตรา 1469 มายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในคดีขับไล่: การพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ณ เวลานั้น และการตีความคำว่า 'เคหะ'
คดีที่อ้างว่าเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านั้น พ.ร.บ.ฉะบับหลัง แม้คดีนั้นจะต้องใช้ฟ้องไว้ก่อนก็ตาม
คำว่า "เคหะ" ตาม พ.ร.บ.ฉะบับหลังหมายความถึงสิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ "เคหะ" ตามพ.ร.บ.นี้
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันจะเป็น ก.ม. เกี่ยวกับความเรียบร้อย ฯ หรือไม่ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาละเทศะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขับไล่: ต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลย และข้อจำกัดการอุทธรณ์/ฎีกาในคดีค่าเช่าต่ำ
คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเพียงเดือนละ 1,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสองและมาตรา 248 วรรคสอง การวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 และศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่า โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอยู่ก่อนจึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง โดยไม่มีการรับรองหรืออนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมาย การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงไม่ชอบ ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสองและมาตรา 243 (3) (ก) ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246, 247
เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่โจทก์มีสิทธิการเช่า เพราะจำเลยครอบครองอยู่ก่อนแล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้เพราะไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน การที่จำเลยจอดรถในที่ดินพิพาทโดยไม่ปรากฏว่าได้รับอนุญาตจากการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จึงเป็นการละเมิดต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย หาใช่ละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ชอบที่จะฟ้องขับไล่และขอให้ศาลเรียกการรถไฟแห่งประเทศไทยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมซึ่งจะมีผลทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
of 8