พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์: การฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและสัญญาแบ่งปันมรดกเพื่อเรียกร้องทรัพย์มรดกคืน
กรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและสัญญาแบ่งปันมรดก เป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ทรัพย์พิพาทคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ (อ้างฎีกาที่ 2180/2517)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์โดยไม่ได้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดี ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นรับฟ้อง จำเลยฎีกาได้ (อ้างฎีกาที่ 474/2503)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์โดยไม่ได้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดี ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นรับฟ้อง จำเลยฎีกาได้ (อ้างฎีกาที่ 474/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์หรือไม่: การฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและแบ่งมรดกเพื่อเรียกทรัพย์คืน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและสัญญาแบ่งมรดก เป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ทรัพย์พิพาทคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาทเป็นคดีมีทุนทรัพย์
แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์จึงไม่ได้หมายเรียกจำเลยให้มาแก้คดี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้พิจารณาจำเลยฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์จึงไม่ได้หมายเรียกจำเลยให้มาแก้คดี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้พิจารณาจำเลยฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์จากการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมอำพราง การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทำให้ศาลสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์ยื่นคำฟ้องความว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้แก่จำเลยแต่โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนสัญญาถึงกำหนด โจทก์ขอไถ่ จำเลยบ่ายเบี่ยงเพื่อจำเลยจะได้อ้างกรรมสิทธิ์ต่อโจทก์เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญาขายฝากนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีย่อมเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก และให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาคืนซึ่งกรรมสิทธิ์จากจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมที่ได้ทำไว้ต่อกันนั้นเสื่อมเสีย คำขอของโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ อันจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่ดิน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมให้ครบภายใน 15 วันแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลก็ต้องสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์จากการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมอำพรางและเรียกคืนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
โจทก์ยื่นคำฟ้องความว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้แก่จำเลย แต่โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนสัญญาถึงกำหนด โจทก์ขอไถ่ จำเลยบ่ายเบี่ยงเพื่อจำเลยจะได้อ้างกรรมสิทธิ์ต่อโจทก์ เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญาขายฝากนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีย่อมเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก และให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาคืนซึ่งกรรมสิทธิ์จากจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมที่ได้ทำไว้ต่อกันนั้นเสื่อมเสีย คำขอของโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ อันจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่ดิน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมให้ครบภายใน 15วัน แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลก็ต้องสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินและการคิดค่าธรรมเนียมคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นกรรมสิทธิ์และยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกโฉนดโดยอ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน 10 ไร่ 3 งานเศษ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์เพียง 3 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ประเด็นที่โต้เถียงกันมีว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่เท่าใด จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินและการคิดค่าธรรมเนียมคดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกโฉนดโดยอ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน 10 ไร่ 3 งานเศษ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์เพียง 3 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ประเด็นที่โต้เถียงกันมีว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่เท่าใด จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องพิจารณาคำร้องเปลี่ยนแปลงคำขอท้ายฟ้องก่อนสั่งคดีมีทุนทรัพย์ การสั่งจำหน่ายคดีก่อนพิจารณาคำร้องไม่ถูกต้อง
ในวันชี้สองสถานศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ภายในเวลาที่กำหนดให้ ในวันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องขอสละคำขอท้ายฟ้องบางตอน ศาลชั้นต้นมิได้สั่งรับคำร้องนี้ จนกระทั่งพ้นเวลาที่ได้กำหนดไว้นั้นและโจทก์มิได้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่ม ศาลก็สั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี ดังนี้ เป็นการไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามลำดับเมื่อความปรากฏแก่ศาลสูง ๆ ย่อมพิพากษาให้ยกคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งพิพาทกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องว่าตึกพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งว่าตึกพิพาทยังเป็นของจำเลย ไม่ใช่ของโจทก์ และขอให้ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้อง ดังนี้ ความในฟ้องแย้งแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยขอให้ศาลชี้กรรมสิทธิ์ว่าตึกเป็นของจำเลยด้วย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จำเลยจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาตึกพิพาทด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2513)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งพิพาทกรรมสิทธิ์ในตึก ทำให้คดีมีทุนทรัพย์ แม้คำขอไม่ตรง แต่เนื้อหาแสดงถึงการโต้แย้งกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าตึกพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งว่าตึกพิพาทยังเป็นของจำเลยไม่ใช่ของโจทก์และขอให้ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้อง ดังนี้ ความในฟ้องแย้งแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยขอให้ศาลชี้กรรมสิทธิ์ว่าตึกเป็นของจำเลยด้วย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จำเลยจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาตึกพิพาทด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2513)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลเพิ่มเติมคดีมีทุนทรัพย์ การเลื่อนคดีด้วยเหตุปรองดอง และการเพิกเฉยต่อการชำระค่าธรรมเนียม
คดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในภายหลังแม้ศาลกำหนดให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลที่เพิ่มขึ้นมาชำระก่อนวันนัดพิจารณา แต่ต่อมาได้มีการเลื่อนการพิจารณาโดยคู่ความแถลงว่า คดีอาจมีทางตกลงกัน แล้วตกลงกันไม่ได้.พฤติการณ์ก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขัดขืนไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลสั่ง ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องโดยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ไม่ควรที่ศาลจะด่วนสั่งจำหน่ายคดี