คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 194 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิฟ้องใหม่: ศาลฎีกาวินิจฉัยการถอนฟ้องในคดีก่อน ไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีเดิมของโจทก์หมดไป
แม้ในคดีก่อนโจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตถอนฟ้องว่า โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป ก็มีความหมายว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยสำหรับคดีนั้นเท่านั้น หาอาจแปลไปว่าโจทก์จะไม่ฟ้องคดีใหม่กับจำเลยอีก ทั้งมิใช่เป็นการถอนฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ภายในอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้อนในคดีแย่งครอบครองที่ดิน: ศาลอนุญาตแก้ไขคำฟ้องเดิมแล้ว การฟ้องคดีใหม่เป็นเรื่องเดียวกัน
คดีก่อนโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีแพ่งว่า จำเลยที่ 1ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยไม่แจ้งและเสนอขายให้โจทก์ในฐานะผู้เช่าก่อน ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 54 แต่ขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขอเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาท แล้วจำเลยทั้งสามได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทคืนให้แก่จำเลยที่ 1โจทก์จึงได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามดังกล่าวนั้นโดยขอให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้แล้ว การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีจำเลยทั้งสามเป็นคดีใหม่อีกโดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาประนีประนอมยอมความการจดทะเบียนโอนในโฉนดที่ดินพิพาท ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่กระทำกันในคดีที่จำเลยที่ 1ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 เพื่อให้ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามเดิมนั้น เป็นการฟ้องในมูลคดีเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ทรัพย์สินรายเดียวกัน มีประเด็นต้องวินิจฉัยเช่นเดียวกันว่าโจทก์จะมีสิทธิบังคับซื้อที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524ได้หรือไม่ เมื่อคดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีอีกดังกล่าว จึงเป็นการฟ้องซ้อน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: ประเด็นข้อพิพาทซ้ำกับคดีเดิม แม้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา
ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้ โจทก์ได้ถูกจำเลยที่ 1และที่ 2 ฟ้องขอให้ขับไล่ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทรายเดียวกันนี้ โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวให้การต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับข้ออ้างตามคำบรรยายฟ้องในครั้งนี้ ดังนั้น ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แม้ว่า โจทก์จะฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะได้วินิจฉัยชี้ขาดคดีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีซ้ำในขณะที่คดีเดิมยังไม่ถึงที่สุด แม้ถอนฟ้องคดีเดิมแล้ว ก็ไม่ทำให้ฟ้องใหม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำสั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ ต้องถือว่าคดีก่อนยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณา การที่โจทก์นำมูลหนี้รายเดียวกันมาฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 เป็นคดีนี้อีกจึงเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและคดีก่อนถึงที่สุด ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์คดีนี้ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่ต้น กลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ซ้ำกับคดีเดิมที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดี แทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้น ได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้อง ของ ผู้เยาว์ทั้งสอง และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: คดีเดิมยังค้างพิจารณา โจทก์ฟ้องคดีเดิมอีกไม่ได้ แม้จะถอนฟ้องไปแล้ว
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ขอให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทอันเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องไปศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นอุทธรณ์โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ดังนั้นเมื่อคดีก่อนแม้โจทก์จะขอถอนฟ้องไปและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังอุทธรณ์ การถอนฟ้องนั้นยังไม่ถึงที่สุดโดยยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นอุทธรณ์ จึงห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้อันเป็นเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษคดีเดิมที่ศาลรอการลงโทษไว้ เมื่อจำเลยรับสารภาพคดีเดิม โจทก์ไม่ต้องนำสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเคยต้องโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่854/2530 ของศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จำเลยมา กระทำผิดในคดีนี้อีกภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ และจำเลยเคยต้องโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 280/2531 ของศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน แต่รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยกลับมากระทำผิดคดีนี้อีกภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ ขอให้เพิ่มโทษและบวกโทษจำคุกจำเลยเข้ากับโทษจำเลยคดีนี้ด้วย จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 854/2530และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 280/2531 ของศาลชั้นต้น และเคยต้องโทษและพ้นโทษในคดีดังกล่าวตามฟ้องจริง ถือได้ว่าจำเลยยอมรับ ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษแต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ศาลจึงบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมด้วยเหตุและเอกสารหลักฐานชุดเดียวกัน ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง คดีถึงที่สุดโจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมซ้ำ โดยอาศัยเหตุผลและเอกสารหลักฐานเดิม ศาลยกฟ้อง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนคดีถึงที่สุดแล้วโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาล โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีก เป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2946/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีบังคับคดี: ผลกระทบจากข้อห้ามฎีกาในคดีเดิมต่อผู้ร้องที่เป็นบริวาร
คดีเดิมโจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินของโจทก์ซึ่งให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท และจำเลยไม่ได้ต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น คดีนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีซึ่งมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามกันว่าผู้ร้องนำสืบฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านพิพาท มิใช่บริวารของจำเลย จึงเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับบริวารของจำเลยให้ออกไปจากที่ดินโจทก์ ดังนั้นเมื่อคู่ความในคดีเดิมต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงด้วยตามป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรค 3.
of 20