คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คนอนาถา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 126 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมหลังศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการประวิงคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง 7 วัน ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้ว การที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องเป็นคนยากจน ระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอจึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบคนอนาถา ถือเป็นการประวิงคดีหรือไม่
ศาลอุทธรณ์ภาค1กำหนดเวลาให้ผู้ร้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมถึง7วันทั้งศาลอุทธรณ์ภาค1ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่คนยากจนโดยไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์แล้วการที่ผู้ร้องกลับมาขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องเป็นคนยากจนระยะเวลาที่กำหนดให้ไม่เพียงพอจึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอย่างคนอนาถา การเพิกถอนคำสั่งรับคำฟ้อง และการกำหนดเวลาชำระค่าขึ้นศาล
เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์และศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์แล้วคำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุดโจทก์จะขอต่อศาลให้อนุญาตโจทก์นำกรรมการบริษัทของโจทก์เข้าสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลประกอบคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์โดยมิได้ร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่หาได้ไม่ศาลภาษีอากรกลางจึงชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้รับคำร้องไว้ไต่สวนแล้วมีคำสั่งใหม่ให้ยกคำร้องของโจทก์ได้แต่เนื่องจากโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวก่อนครบกำหนดเวลาที่ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระตามคำสั่งศาลฎีกาเมื่อศาลภาษีอากรกลางสั่งรับคำร้องและนัดไต่สวนจึงหลงผิดว่ายังไม่ต้องชำระค่าขึ้นศาลและมิได้ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนดเวลาที่ศาลฎีกากำหนดไว้เมื่อศาลภาษีอากรกลางเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วจึงต้องกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระในเวลาอันสมควรจะอ้างว่าโจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลฎีกาจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ทันทีหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอย่างคนอนาถาที่ศาลฎีกามีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไม่สามารถขอแก้ไขกระบวนพิจารณาใหม่ได้ แต่ศาลต้องให้โอกาสชำระค่าขึ้นศาล
ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาเพราะโจทก์มอบอำนาจให้ ก.ผู้ฟ้องคดีแทนเป็นผู้สาบานตัวโจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและเมื่อศาลฎีกาให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแล้วคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวจึงถึงที่สุดโจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลภาษีอากรอีกเพื่อขอให้กรรมการบริษัทสาบานตัวประกอบคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาเพื่อชี้แจงว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลอันเป็นการขอแก้ไขกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำร้องที่ไม่ถูกต้องเสียใหม่ ย่อมไม่อาจทำได้เพราะไม่มีคำร้องโจทก์เหลืออยู่ให้ดำเนินการแก้ไขกระบวนพิจารณาเสียใหม่ได้และคำร้องดังกล่าวมิได้ร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่ เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่รับคำร้องและนัดไต่สวนโจทก์ที่ขอให้ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์นำกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เข้าสาบานตัวแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นให้ยกคำร้องโจทก์ศาลจะต้องกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระในเวลาอันสมควรจะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ไปทันทีหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอย่างคนอนาถา: ศาลรับอุทธรณ์ในส่วนที่ได้รับอนุญาตค่าธรรมเนียม
โจทก์ขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมให้เฉพาะค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์100,000บาทหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีในทุนทรัพย์ที่มากกว่านี้ก็ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลภายใน10วันโจทก์มิได้นำเงินค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถามาชำระแต่ได้มีการขอให้พิจารณาใหม่เพื่อให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบว่าโจทก์เป็นคนยากจนในจำนวนทุนทรัพย์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาอีกจำนวน300,000บาทศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระตามที่ศาลมีคำสั่งภายใน15วันหากเพิกเฉยถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ต่อไปเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวโจทก์มิได้นำเงินค่าขึ้นศาลตามที่ศาลสั่งมาชำระการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามที่ศาลได้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นจึงหมายถึงค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาลและการขอเป็นคนอนาถา ศาลมีดุลพินิจในการพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งสองนำค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระภายในกำหนด 30 วัน โจทก์ทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 (1) แต่มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเสมอไป เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ
คดีนี้โจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเลยกำหนดที่ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระเพียงวันเดียว ซึ่งขณะที่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 187 ประกอบมาตรา246 การที่โจทก์ทั้งสองมีความจำนงจะดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วยเหตุที่ไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาล เมื่อตกเป็นคนยากจนลงภายหลังจะยื่นคำขอในเวลาใด ๆ ก็ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคแรก คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ทั้งสองได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาล และสิทธิในการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งสองนำค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระภายในกำหนด 30 วัน โจทก์ทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)แต่มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเสมอไปเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ คดีนี้โจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเลยกำหนดที่ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระเพียงวันเดียวซึ่งขณะที่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 187 ประกอบมาตรา 246 การที่โจทก์ทั้งสองมีความจำนงจะดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วยเหตุที่ไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาล เมื่อตกเป็นคนยากจนลงภายหลังจะยื่นคำขอในเวลาใด ๆ ก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคแรก คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ทั้งสองได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5044/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการดำเนินคดีอย่างคนอนาถา การเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องใหม่ และพฤติการณ์ประวิงคดี
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและเห็นว่าพยานจำเลยที่นำสืบมาแล้วฟังได้ว่าจำเลยไม่ยากจนมีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้อง จำเลยชอบที่จะขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน เมื่อจำเลยเลือกยื่นคำขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานมาแสดงเพิ่มเติม จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนอีกทางหนึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ มิได้บังคับว่า เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนนั้น ศาลจะต้องอนุญาต แต่เป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่ก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่จำเลยจะขอนำสืบเพิ่มเติม เป็นพยานหลักฐานเดิมที่จำเลยสามารถนำเข้าสืบได้ในชั้นไต่สวนคำร้องอยู่แล้ว แต่จำเลยไม่พยายามนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาศาลโดยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวคดีให้ล่าช้า อันมีลักษณะประวิงคดีพฤติการณ์จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5044/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกดำเนินการระหว่างขอพิจารณาคำร้องใหม่หรืออุทธรณ์คำสั่ง กรณีคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและเห็นว่าจำเลยไม่ยากจน ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาจำเลยชอบที่จะขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรือวรรคห้า เมื่อจำเลยเลือกยื่นคำขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานมาแสดงเพิ่มเติม จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนอีกทางหนึ่ง การร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ นั้นเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดีเมื่อเห็นได้ชัดว่าพยานหลักฐานที่จำเลยจะขอนำสืบเพิ่มเติมเป็นพยานหลักฐานเดิมที่จำเลยสามารถนำสืบได้ในชั้นไต่สวนคำร้องเดิมอยู่แล้ว แต่จำเลยไม่พยายามนำหลักฐานดังกล่าวมาศาลโดยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวคดีให้ล่าช้าอันมีลักษณะประวิงคดี พฤติการณ์จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีคนอนาถา: การชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลในนามของโจทก์
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยไม่ระบุให้ชัดเจนว่าให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์นั้น จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้นที่โจทก์ได้รับการยกเว้นต่อศาลในนามของโจทก์ได้
of 13