พบผลลัพธ์ทั้งหมด 99 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมหลังลักทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
กรณีที่จำเลยลักกระบือของผู้เสียหาย ผู้เสียหายไล่ติดตามอีก 10 วาจะทันจำเลยทิ้งกระบือวิ่งหนี ผู้เสียหายไล่ตามต่อไปอีกเพื่อจะจับกุม จำเลยชักปืนออกจ้อง ย่อมเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นการกระทำต่อเนื่องกับการลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมหลังลักทรัพย์เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์
กรณีที่จำเลยลักกระบือของผู้เสียหาย ผู้เสียหายไล่ติดตามอีก 10 วาจะทันจำเลยทิ้งกระบือวิ่งหนี ผู้เสียหายไล่ตามต่อไปอีกเพื่อจะจับกุม จำเลยชักปืนออกจ้องย่อมเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นการกระทำต่อเนื่องกับการลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมหลังลักทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
กรณีที่จำเลยลักกระบือของผู้เสียหาย. ผู้เสียหายไล่ติดตามอีก 10 วาจะทันจำเลยทิ้งกระบือวิ่งหนี. ผู้เสียหายไล่ตามต่อไปอีกเพื่อจะจับกุม. จำเลยชักปืนออกจ้อง.ย่อมเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม. เป็นการกระทำต่อเนื่องกับการลักทรัพย์. เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดกฎหมายประมงด้วยการปิดกั้นลำห้วยสาธารณะถือเป็นความผิดต่อเนื่องและเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประมง
จำเลยสร้างทำนบปิดกั้นลำห้วยสาธาณะเป็นการปลูกสร้างสิ่งใดลงไปในที่สาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 17
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำสาธารณะ และเป็นลำห้วยที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า ลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 4(5)
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำสาธารณะ และเป็นลำห้วยที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า ลำห้วยตามฟ้องเป็นที่จับสัตว์น้ำตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 4(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อเนื่อง ลักทรัพย์-ฆ่า ปิดบังความผิด ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
การที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายภายหลังที่จำเลยหยิบทรัพย์แล้ว เป็นการกระทำต่อเนื่องกันกับการลักทรัพย์ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การที่จำเลยกับพวกจะพาทรัพย์หนีหรือเพื่อปกปิดการกระทำผิด หาใช่การชิงทรัพย์ขาดตอนแล้วไม่ จำเลยต้องร่วมรับผิดในผลที่พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 พยานโจทก์ต่างเบิกความยืนยันว่าเหตุเกิดตามวันดังกล่าว แต่แพทย์ผู้รับตัวผู้เสียหายได้ทำบันทึกการชันสูตรบาดแผลเขียนเลข 27 ติดต่อกัน ทำให้ดูคล้ายเลข 24 จึงทำให้ผู้คัดสำเนาบันทึกคัดเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง และแม้จำเลยจะได้รับสำเนาบันทึกการชันสูตรบาดแผลซึ่งคัดวันเกิดเหตุผิดพลาด ก็ไม่ทำให้จำเลยผิดหลงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ เพราะจำเลยรับอยู่แล้วว่าในวันเกิดเหตุจำเลยไปบ้านผู้เสียหายจริง ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุตำบลป่าไผ่ แม้พยานโจทก์บางปากจะเบิกความว่าที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 ไม่ตรงกับรายงานชันสูตรพลิกศพว่าเหตุเกิดในหมู่ที่ 4 ทางพิจารณาก็ฟังได้ว่าเหตุเกิดที่บ้านผู้ตายซึ่งอยู่ในตำบลป่าไผ่ตรงตามฟ้องนั่นเอง ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ไปที่บ้านที่เกิดเหตุจริง ปัญหาฐานที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 หรือ หมู่ที่ 4 ของตำบลป่าไผ่ จึงไม่ใช่ข้อแตกต่างในสารสำคัญแห่งคดี
โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2507 พยานโจทก์ต่างเบิกความยืนยันว่าเหตุเกิดตามวันดังกล่าว แต่แพทย์ผู้รับตัวผู้เสียหายได้ทำบันทึกการชันสูตรบาดแผลเขียนเลข 27 ติดต่อกัน ทำให้ดูคล้ายเลข 24 จึงทำให้ผู้คัดสำเนาบันทึกคัดเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง และแม้จำเลยจะได้รับสำเนาบันทึกการชันสูตรบาดแผลซึ่งคัดวันเกิดเหตุผิดพลาด ก็ไม่ทำให้จำเลยผิดหลงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ เพราะจำเลยรับอยู่แล้วว่าในวันเกิดเหตุจำเลยไปบ้านผู้เสียหายจริง ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุตำบลป่าไผ่ แม้พยานโจทก์บางปากจะเบิกความว่าที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 ไม่ตรงกับรายงานชันสูตรพลิกศพว่าเหตุเกิดในหมู่ที่ 4 ทางพิจารณาก็ฟังได้ว่าเหตุเกิดที่บ้านผู้ตายซึ่งอยู่ในตำบลป่าไผ่ตรงตามฟ้องนั่นเอง ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ไปที่บ้านที่เกิดเหตุจริง ปัญหาฐานที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ที่ 2 หรือ หมู่ที่ 4 ของตำบลป่าไผ่ จึงไม่ใช่ข้อแตกต่างในสารสำคัญแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อเนื่องกับการกระทำต่างกรรมต่างวาระ: ยึดครองที่สาธารณะ vs. ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่นสร้างบุกเบิก แผ้วถาง ที่ดินอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ไดรับอนุญาต ย่อมมีขึ้นตั้งแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครอง และยงคงมีอยู่ตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองที่ดินแปลงนี้ ส่วนความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อพ้นกำหนดหลังจากวันที่เจ้าพนักงานสั่งให้จำเลยออกไปจากที่ดิน ความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจึงต่างกรรมต่างวาระกับความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครอง หาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อเนื่องกับการกระทำต่างกรรมต่างวาระ: ยึดครองที่สาธารณะ vs. ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง บุกเบิก แผ้วถางที่ดินอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมมีขึ้นตั้งแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองและยังคงมีอยู่ตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองที่ดินแปลงนี้ ส่วนความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อพ้นกำหนดหลังจากวันที่เจ้าพนักงานสั่งให้จำเลยออกไปจากที่ดินความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจึงต่างกรรมต่างวาระกับความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองหาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี การกำหนดเขตอำนาจสอบสวนกรณีความผิดต่อเนื่อง
จำเลยออกเช็คเป็นการชำระหนี้ค่าปลาป่นที่ซื้อจากผู้เสียหาย ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย จำเลยออกเช็คนั้นที่โรงงานปลาป่นของผู้เสียหาย ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา เพราะซื้อขายกันที่นั้น แต่ผู้เสียหายต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารที่อำเภอหาดใหญ่ ความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องกันพนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสงขลามีอำนาจสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีไม้แปรรูป ความผิดต่อเนื่อง และอำนาจแก้ไขศาลฎีกา
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในความครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและความผิดต่อเนื่องในคดีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นใช้ผิด
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้