คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดหลายกระทง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 75 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงในคดีความผิดหลายกระทง: พิจารณาโทษแต่ละกระทงแยกกัน
ตอนต้นพระธรรมนูญศาลยุตติธรรม พ.ศ.2477 ม.22(2) อำนาจศาลแขวงในคดีที่จำเลยกระทำผิดหลายกะทงซึ่งแต่ละกะทงเป็นความผิดมีอัตราโทษอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี แม้โทษทุกกะทงรวมกันจะเกินกว่า 3 ปี ก็อยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานความผิดหลายกระทง แม้ไม่ได้ระบุในฟ้อง ก็ลงโทษได้หากเป็นความผิดประเภทเดียวกันและโทษหนักกว่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์ทำร้ายร่างกายขอให้ลงโทษ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยนี้มีผิดฐานชิงทรัพย์ลงโทษได้
ไม่เสนอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917-919/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารราชการหลายฉบับเป็นความผิดหลายกระทง ศาลมีอำนาจลงโทษได้ทุกกระทง
+เสร็จเงินรัชชูปการเป็นหนังสือสำคัญในราชการ+ปลอมมีผิดตาม ม.225 จำเลยปลอมใบเสร็จรัชชูปการฉะบับ แม้จะได้กระทำในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิด 3 กะทงไม่เรียกว่าเป็นการกระทำในกรรมเดียววาระเดียวกัน ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยเรียงกะทงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมฟ้อง-รวมพิจารณาความผิดหลายกระทง: ศาลมีอำนาจลงโทษเรียงกระทงโดยไม่ต้องแยกฟ้อง
จำเลยทำผิดหลายกะทง ศาลจะสั่งให้รวมฟ้องแลรวมการพิจารณาหรือไม่อยู่ในดุลยพินิจของศาล
การที่จะลงโทษจำเลยเรียงกะทงนั้นไม่จำเป็นต้องแยกฟ้องแยกพิจารณาก็ได้
แก้มาก ศาลเดิมลงโทษจำเลยตาม ม.268 กะทงเดียว ศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษจำเลยเป็น 4 กะทงตามบทเดิมดังนี้ จำเลยฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9264/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดหลายกรรมต่างวันกัน แม้มีเจตนาเดียวกัน ก็ถือเป็นความผิดหลายกระทง
โจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำความผิดของจำเลยต่างวันเวลากัน ฟ้องของโจทก์จึงประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาในแต่ละช่วงเวลา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมหมายความว่าจำเลยรับว่าได้กระทำความผิดฐานดำเนินการย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้าน เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งโดยมิชอบอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง แม้จำเลยจะกระทำความผิดดังกล่าวโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลในการกระทำของตนแต่ละครั้ง เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งที่จัดให้มีการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จในวันเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมีเจตนากระทำความผิดต่างวันเวลากัน ก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3742/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพความผิดหลายกระทง ศาลต้องพิจารณาคำรับสารภาพโดยรวมเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายหรือรับของโจร และจำเลยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ศาลชั้นต้นบันทึกคำให้การของจำเลยว่า ข้าพเจ้าขอให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์ทุกประการ และบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาต่อท้ายคำให้การของจำเลยว่า อ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยเข้าใจดีแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์และจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นแบบพิมพ์ของศาล ซึ่งมีข้อความเป็นตัวพิมพ์ว่า ข้าพเจ้าขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง และมีถ้อยคำที่เขียนด้วยปากกาตกเติมระหว่างข้อความดังกล่าวว่า ฐานลักทรัพย์ หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยรับว่าจำเลยกระทำความผิดจริง และให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ เพียงขอให้รอการลงโทษเท่านั้น พอแปลความหมายคำรับสารภาพของจำเลยได้ว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เนื่องจากฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ของผู้เสียหายหรือรับของโจร การที่ศาลชั้นต้นเขียนถ้อยคำเพิ่มเติมระหว่างข้อความรับสารภาพตามฟ้องว่าฐานลักทรัพย์ ก็เพื่อเป็นการระบุให้แน่ชัดว่าจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานใดระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร กรณีจึงพอถือได้ว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพความผิดฐานลักทรัพย์และฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานอั้งยี่กับการสนับสนุนการก่อการร้ายเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ จำเลยกระทำความผิดโดยเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนความผิดฐานสนับสนุนการก่อการร้ายจำเลยกระทำความผิดด้วยการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐานก่อการร้ายก่อนหรือขณะกระทำความผิด การกระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว แม้จำเลยจะได้กระทำในช่วงเดียวกัน แต่การกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำคนละอย่างแตกต่างกันและต่างกรรมต่างวาระ ทั้งเจตนาและความมุ่งหมายในการเป็นอั้งยี่ และสนับสนุนการก่อการร้ายก็เป็นคนละอย่างต่างกัน การกระทำความผิดของจำเลยในความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานสนับสนุนการก่อการร้ายจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกันมิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14480/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานอั้งยี่ สมคบกันก่อการร้าย และช่วยเหลือผู้ต้องหา: เป็นความผิดต่างกรรมกัน
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ จำเลยกระทำความผิดโดยเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนความผิดฐานสมคบกันเพื่อก่อการร้ายนั้น จำเลยกระทำความผิดด้วยการรับฝึกการก่อการร้าย สะสมกำลังพลและอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืน และตระเตรียมการใช้อาวุธฆ่าเจ้าพนักงานและประชาชน โดยมีเจตนาที่จะขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย อันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและเพื่อสร้างความปั่นป่วน โดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนเพื่อก่อการร้าย และความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้พ้นจากการจับกุมนั้น จำเลยกระทำความผิดเพื่อช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดให้พ้นจากการจับกุม การกระทำความผิดทั้งสามฐานดังกล่าว แม้จำเลยจะได้กระทำในช่วงเวลาเดียวกัน แต่การกระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่กับฐานร่วมกันสมคบกันเพื่อก่อการร้ายและฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้พ้นจากการจับกุมนั้นเป็นการกระทำคนละอย่างแตกต่างกันและต่างกรรมต่างวาระกัน ทั้งเจตนาและความมุ่งหมายในการเป็นอั้งยี่กับการสมคบกันเพื่อการก่อการร้ายและช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้พ้นจากการจับกุมก็เป็นคนละอย่างต่างกัน การกระทำความผิดของจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่กับฐานร่วมกันสมคบกันเพื่อการก่อการร้ายและฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้พ้นจากการจับกุม จึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกันมิใช่ความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5077/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้เป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ก็อาจถือเป็นความผิดหลายกระทงได้
การกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตาม ป.อ. มาตรา 91 มิได้บัญญัติว่าการกระทำความผิดหลายกรรมนั้นจะเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ การกระทำในคราวเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันก็อาจเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันได้ จำเลยใช้ไม้ไผ่ตีทำร้าย ท. ขณะขับรถจักรยานยนต์คันที่ 3 แล้ว ท. ขับรถหลบหนีไปได้ จากนั้นต่อมาจำเลยก็ใช้ไม้ตีทำร้าย ส. ขณะขับรถจักรยานยนต์คันที่ 4 ซึ่งเล่นตามหลังมาห่างกันประมาณ 200 ถึง 400 เมตร จนเป็นเหตุให้รถล้มลง แล้วพวกจำเลยก็เตะทำร้ายร่างกาย ช. ผู้นั่งซ้อนท้ายแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไป จากพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับพฤติกรรมของจำเลยดังกล่าว ย่อมบ่งชี้ได้อย่างแจ้งชัดว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลในการกระทำของตนแยกต่างหากจากกันเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์แต่ละคันแม้ว่าจะเป็นการกระทำในคราวเดียวกันก็ตามการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15491/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดหลายกระทงจากการปล้นทรัพย์และการฆ่า โดยแยกพิจารณาความผิดของจำเลยแต่ละคน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันปล้นทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย โดยใช้อาวุธตีประทุษร้ายผู้ตาย โดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่าผู้ตาย และร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไป ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่างซึ่งแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสามในการกระทำตามที่ทางพิจารณาได้ความก็ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่าผู้ตายและร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย แต่ให้ลงโทษเพียงกระทงเดียวในความผิดฐานฆ่าผู้ตายซึ่งเป็นบทหนักที่สุด แม้โจทก์ไม่ฎีกา ก็มิได้หมายความว่าความผิดฐานลักทรัพย์ยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนได้
of 8