คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความรับผิดนายจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 98 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อลูกจ้างและค่าขาดไร้อุปการะจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถบรรทุกนำมาร่วมกิจการขนส่งกับจำเลยที่ 4 ลูกจ้างผู้ขับรถคันนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาท ตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วย กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการคำนวณค่าขาดไร้อุปการะที่เหมาะสม
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถบรรทุกนำมาร่วมกิจการขนส่งกับห้างจำเลยที่ 4 ลูกจ้างผู้ขับรถคันนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาทตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วยกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อความประมาทลูกจ้าง และหลักเกณฑ์การคำนวณค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายทางกาย
หลักเกณฑ์การประกันภัยสากลในเรื่องรับประกันชีวิตบุคคลผู้มีอายุเกิน 40 ปีนั้น เป็นวิธีปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงของบริษัทรับประกันภัยหาใช่เกณฑ์คำนวณค่าสินไหมทดแทน ความเสียหายอันแท้จริง อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งมีอายุ 53 ปี ไม่ควรได้รับค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุเสื่อมเสียความสามารถในการประกอบการงานเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากการทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424-2426/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างในการขับรถ แม้จะมีการยืมรถและไม่ใช่เส้นทางประจำ
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ และให้ผู้อื่นยืมไปใช้ทอดกฐิน โดยจำเลยที่ 1 สั่งให้ ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถให้จำเลยที่ 1 เป็นประจำอยู่แล้วขับไป ระหว่างทางไปทอดกฐิน ส.ขับรถโดยประมาททำให้คนตาย ถือได้ว่า ส.ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง แม้ผู้ยืมจะให้เงินแก่ ส.ที่มาขับรถให้ หรือแม้รถของจำเลยที่ 1 จะเป็นรถประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งในเส้นทางที่ไปทอดกฐิน และการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ให้ยืมก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับ ส.ด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้นจะเป็นวันหยุดของ ส.หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424-2426/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างในการขับรถ แม้มีการยืมรถและไม่ใช่เส้นทางปกติ
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ และให้ผู้อื่นยืมไปใช้ทอดกฐิน โดยจำเลยที่ 1 สั่งให้ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถให้จำเลยที่ 1 เป็นประจำอยู่แล้วขับไป ระหว่างทางไปทอดกฐิน ส.ขับรถโดยประมาททำให้คนตาย ถือได้ว่าส.ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง แม้ผู้ยืมจะให้เงินแก่ ส.ที่มาขับรถให้ หรือแม้รถของจำเลยที่ 1 จะเป็นรถประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งในเส้นทางที่ไปทอดกฐินและการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ให้ยืมก็ตามจำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับ ส.ด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้นจะเป็นวันหยุดของ ส.หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดนายจ้างต่ออุบัติเหตุลูกจ้างขณะเดินทางไปทำงาน การคุ้มครองแรงงาน
ลูกจ้างมีหน้าที่เดินตลาดและเก็บเงินจากลูกค้า นายจ้างมอบรถจักรยานยนต์ไว้ให้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ดูแลรักษาและอนุญาตให้นำรถกลับบ้านและขับมาทำงานที่สำนักงานด้วย ขณะที่ลูกจ้างประสบอันตรายนั้นเป็นเวลาที่ลูกจ้างขับรถจักรยานยนต์จากบ้านจะไปสำนักงานเพื่อปฏิบัติงานตามปกติ มิได้ประสบอันตรายในขณะที่กำลังเดินทางไปหรือกลับจากการปฏิบัติงานตามคำสั่งของนายจ้าง จึงมิใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง และมิใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง และผลผูกพันของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
ศาลทหารมีคำพิพากษาถึงที่สุดฟังว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทแซงรถคันอื่นขึ้นมาล้ำเข้าไปในเส้นทางของรถยนต์โดยสาร จนเป็นเหตุให้ชนรถยนต์โดยสารได้รับความเสียหาย ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ส่วนจำเลยที่ 2 นายจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาด้วยคำพิพากษาในคดีอาญาจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จำเลยที่ 2 จึงชอบที่จะยกข้อต่อสู้และนำสืบได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายละเมิด หากเป็นแต่ความประมาทของคนขับรถยนต์โดยสารฝ่ายเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้หน้าที่หลักจะสิ้นสุดลงแล้ว
ลูกจ้างจำเลยขับรถยนต์ของจำเลยไปในทางการที่จ้างแล้วไปชนท้ายรถยนต์คันอื่นเสียหาย เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่าลูกจ้างจำเลยเป็นฝ่ายผิด จึงให้จับรถไปสถานีตำรวจเพื่อตกลงกันเรื่องค่าเสียหาย โดยเจ้าพนักงานตำรวจนั่งมาในรถด้วย ดังนี้ การที่ลูกจ้างจำเลยขับรถไปสถานีตำรวจย่อมเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุที่ลูกจ้างจำเลยขับรถไปชนท้ายรถอื่นเกี่ยวแก่การปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยเป็นมูลเหตุ เมื่อลูกจ้างจำเลยขับรถด้วยความประมาทในระหว่างทางไปสถานีตำรวจชนรถยนต์ซึ่งบุตรโจทก์ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงถือว่าลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้าง แม้เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องจากภารกิจ
ลูกจ้างขับรถประจำของจำเลยขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างชนรถคันอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อตกลงใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับเหตุที่เกิดในทางการที่จ้างของจำเลย ยังไม่ขาดตอน ลูกจ้างของจำเลยขับรถชนกับรถที่บุตรโจทก์ขับ บุตรโจทก์ตาย จำเลยจึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้าง และค่าเสียหายจากการเสียชีวิต
โจทก์บรรยายฟ้อง ก.ลูกจ้างของจำเลย ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยไปในทางการที่จ้าง โดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังและขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้ชน ส.บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปลงศพเป็นเงิน 10,000 บาท เป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งขออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดในเรื่องค่าเสียหายเกี่ยวกับการปลงศพ ซึ่งโจทก์อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้อยู่แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่ฟ้องเคลือบคลุม
ก.ลูกจ้างจำเลยมีหน้าที่ขับรถขุดดิน แต่ไม่มีหน้าที่ขับรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุซึ่งอยู่ในแผนกเดียวกันกับตน วันเกิดเหตุ ก.ได้เบิกรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุไปเพื่อขับบรรทุกดินในกิจการของจำเลยแทน ม. โดยประสงค์จะได้เงินค่าล่วงเวลา ท.เจ้าหน้าที่ควบคุมและปล่อยรถจำเลยได้ปล่อยให้ ก.นำรถดังกล่าวไปได้ ศ.เจ้าหน้าที่ของจำเลยซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของ ก.เห็นว่า ก.ไม่มีหน้าที่ขับรถคันนั้น และนำรถออกมาไม่ถูกระเบียบจึงไม่ให้ขับ และให้ก.ไปขับรถขุดดินแทน แต่เมื่อเลิกงาน ศ. กลับปล่อยให้ ก.ขับรถคันเกิดเหตุกลับไปเก็บ ระหว่างทาง ก.ขับรถยนต์ชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโดยความประมาท การกระทำของ ก. เป็นไปในทางการที่จ้างของจำเลยโดยตรง การที่รถคันเกิดเหตุถูกนำออกโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่จำเลย จะนำมาใช้ยันบุคคลภายนอกเพื่อให้จำเลยพ้นความรับผิดหาได้ไม่
การที่บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโดยการละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่ต้องขาดไร้อุปการะ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์จะต้องเป็นผู้ที่ดำรงชีพด้วยการอุปการะของผู้ตายจริง
of 10