คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำท้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสภาพตามคำท้า หากฝ่ายโจทก์แสดงหลักฐานการขายฝากได้ ถือเป็นหลักฐานนิติสัมพันธ์และโจทก์ชนะคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินที่ยกให้จำเลยและต่อมาจำเลยนำไปขายฝากแก่ผู้อื่น โดยอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณ ทั้งโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยให้จำเลยชำระหนี้บุคคลภายนอกแทนโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันว่า หากฝ่ายโจทก์สามารถนำหลักฐานการขายฝากมาแสดงต่อศาล จำเลยยอมแพ้ หากหามาไม่ได้โจทก์ยอมแพ้ โดยไม่ต้องมีการสืบพยาน ดังนี้เมื่อโจทก์ส่งเอกสารต่อศาลตามคำท้า และข้อความในเอกสารได้ระบุไว้ชัดแจ้งถึงเจตนาในการทำนิติกรรมการขายฝากที่พิพาทระหว่างจำเลยผู้ขายฝากกับ พ. ผู้รับซื้อฝาก ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลทั้งสองมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำท้าแล้วโจทก์จึงเป็นฝ่ายชนะคดี ส่วนปัญหาที่ว่าการขายฝากจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับข้อเท็จจริงจากเอกสารหลักฐาน และผลผูกพันตามคำท้าทายในคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินที่ยกให้จำเลยและต่อมาจำเลยนำไปขายฝากแก่ผู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ประพฤติเนรคุณทั้งโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยให้จำเลยชำระหนี้บุคคลภายนอกแทนโจทก์ชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันว่า หากฝ่ายโจทก์สามารถนำหลักฐานการขายฝากมาแสดงต่อศาลจำเลยยอมแพ้ หากหามาไม่ได้โจทก์ยอมแพ้ โดยไม่ต้องมีการสืบพยานดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งเอกสารต่อศาลตามคำท้า และข้อความในเอกสารได้ระบุไว้ชัดแจ้งถึงเจตนาในการทำนิติกรรมการขายฝากที่พิพาทระหว่างจำเลยผู้ขายฝากกับ พ. ผู้รับซื้อฝาก ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลทั้งสองมีนิติสัมพันธ์ต่อกันถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำท้าแล้วโจทก์จึงเป็นฝ่ายชนะคดีส่วนปัญหาที่ว่าการขายฝากจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำท้าพิสูจน์ลายมือชื่อและการบังคับใช้ตามคำสั่งศาล ศาลต้องวินิจฉัยตามผลการพิสูจน์ลายมือชื่อ ไม่ใช่การไม่วางเงิน
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้พิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของ ค.ภรรยาของจำเลยในเอกสารใบมอบอำนาจว่า ถ้าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของ ค. จริงจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่โจทก์ยอมแพ้โจทก์และจำเลยต่างสละข้อต่อสู้อื่นทั้งหมด และในวันเดียวกันนั้นเองศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์และจำเลยวางเงินค่าตรวจพิสูจน์ฝ่ายละ 2,000 บาท ภายใน 20 วันนับแต่วันสั่ง ถ้าฝ่ายใดไม่วางเงินภายในกำหนดเวลาก็ให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดี ดังนี้แม้จำเลยมิได้วางเงินดังกล่าว ภายในกำหนด ก็หามีผลทำให้จำเลยตกเป็นฝ่ายแพ้คดีเพราะการไม่วางเงินตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ เพราะการที่ฝ่ายใดไม่วางเงินให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือที่คู่ความท้ากัน ศาลชั้นต้นจะนำมาเป็นเหตุวินิจฉัยให้จำเลยแพ้คดีหาได้ไม่ คำท้ายังมีผลบังคับได้ต่อไป เมื่อกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นว่าไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของ ค. โจทก์จึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดสอบเขตที่ดินตามคำท้าของคู่ความ ศาลต้องดำเนินการให้ถูกต้องก่อนชี้ขาดคดี
คู่ความท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตตามโฉนดที่ดินของแต่ละฝ่ายโดยให้ถือแผนที่หลังโฉนดเป็นหลักแล้วทำแผนที่พิพาทแสดงอาณาเขตให้ชัดเจนว่าอาคารในที่ดินของแต่ละฝ่ายมีการรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของอีกฝ่ายหรือไม่เพียงใด เช่นนี้ย่อมกระทำได้โดยชอบและอยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานที่ดินจะปฏิบัติได้ หากเจ้าพนักงานที่ดินยังทำมาไม่ถูกต้องครบถ้วนอย่างไรก็ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ทำมาใหม่ให้ถูกต้องแล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น
ศาลชั้นต้นสืบพยานคู่ความแล้วจึงวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยไม่ปรากฏเหตุว่าการปฏิบัติตามคำท้าไม่อาจทำได้ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดสอบเขตที่ดินตามคำท้าของคู่ความ ศาลต้องดำเนินการให้ถูกต้องก่อนชี้ขาดคดี
คู่ความท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตตามโฉนดที่ดินของแต่ละฝ่ายโดยให้ถือแผนที่หลังโฉนดเป็นหลักแล้วทำแผนที่พิพาทแสดงอาณาเขตให้ชัดเจนว่าอาคารในที่ดินของแต่ละฝ่ายมีการรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของอีกฝ่ายหรือไม่เพียงใดเช่นนี้ย่อมกระทำได้โดยชอบและอยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานที่ดินจะปฏิบัติได้หากเจ้าพนักงานที่ดินยังทำมาไม่ถูกต้องครบถ้วนอย่างไรก็ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ทำมาใหม่ให้ถูกต้องแล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น ศาลชั้นต้นสืบพยานคู่ความแล้วจึงวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยไม่ปรากฏเหตุว่าการปฏิบัติตามคำท้าไม่อาจทำได้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายต่อหน้าศาล: การสืบพยานเพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงเป็นข้อแพ้ชนะ ถือเป็นคำท้าที่ผูกพัน
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยต่อหน้าศาลที่มีความว่า หาก เจ้าพนักงานที่ดินเบิกความว่าจำเลยชำระตัวเงิน 100,000บาท ให้แก่ บ.ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่สำนักงานที่ดินเพื่อไถ่ถอนจำนองโจทก์จะยอมแพ้คดี แต่หากเจ้าพนักงานที่ดินเบิกความว่าไม่มีการชำระเงิน 100,000 บาทนั้น จำเลยยอมแพ้คดีให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดิน นั้นเป็นข้อตกลงให้ศาลชั้นต้นสืบพยานที่เป็นเจ้าพนักงานที่ดินในประเด็นข้อเดียวว่า จำเลยได้ชำระตัวเงิน 100,000 บาท ให้แก่ บ.เพื่อไถ่ถอนจำนองต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือไม่แล้วให้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้นำมาเป็นข้อแพ้ชนะ ข้อตกลงดังนี้จึงเป็นคำท้าของคู่ความ
คำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดินปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดเห็นการชำระเงินตามคำท้า จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่บ.ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน และสมประสงค์ข้างฝ่ายโจทก์จำเลยจึงต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการท้าแพ้ชนะในคดีแพ่ง: การปฏิบัติตามคำท้าและการบังคับตามสัญญา
คู่ความตกลงท้าแพ้ชนะกันว่า ถ้าคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งของศาลชั้นต้นเดียวกันถึงที่สุดโดยพิพากษาว่าที่ดินเป็นของ ช.โจทก์ยอมแพ้ ถ้าคดีถึงที่สุดว่าที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมยอมแพ้จำเลยและจำเลยร่วมยอมออกจากที่ดิน เช่นนี้เมื่อปรากฏว่าคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งนั้นถึงที่สุดโดยพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำยืนยันผู้เชี่ยวชาญลายมือชื่อผูกพันตามคำท้า หากตรงตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
คดีที่โจทก์จำเลยท้ากันว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในช่องผู้เช่าในสัญญาเช่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงที่จำเลยลงไว้ จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ถ้าผู้เชี่ยวชาญว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย โจทก์เป็นฝ่ายยอมแพ้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นในรายงานการตรวจพิสูจน์น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อจำเลยเช่นนี้ มีลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าเป็นลายมือชื่อจำเลย ถือได้ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตรงตามคำท้าแล้วจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า(อ้างฎีกาที่ 433/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าต้องเป็นไปตามที่จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา หากรังวัดไม่ได้ ศาลไม่อาจพิพากษาตามคำท้าได้
คำท้าซึ่งคู่ความตกลงกันแล้วรังวัดไม่เสร็จตามนั้นเพราะคู่ความขัดแย้งกัน ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาอธิบายคำท้า จำเลยไม่มาศาลชั้นต้นเปลี่ยนข้อความโดยเห็นว่าเป็นเจตนาแท้จริงของคู่ความแต่จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้าน ดังนี้ ต้องถือตามคำท้าเดิม เปลี่ยนแปลงโดยจำเลยไม่ตกลงด้วยไม่ได้ เมื่อรังวัดตามนั้นไม่ได้ก็ต้องยกเลิกคำท้า และพิจารณาคดีไปตามวิธีพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงพยานคนกลางมีผลผูกพัน หากพยานเบิกความสมฝ่ายใด ฝ่ายนั้นชนะคดี การอ้างเหตุอื่นนอกคำตกลงถือเป็นการนอกคำท้า
คู่ความท้ากันให้ อ. เป็นพยานคนกลางสาบานตนเบิกความต่อศาลว่า ที่พิพาททั้งสามแปลงเป็นของโจทก์หรือของจำเลยหาก อ. เบิกความสมฝ่ายใด ให้ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายชนะคดี ดังนี้ เมื่อ อ. พยานคนกลางเบิกความว่า จำเลยได้ร่วมทำกินในที่พิพาททั้งสามแปลงกับมารดาและพี่น้องของจำเลย จำเลยเป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ไม่เคยเข้าเกี่ยวข้อง จึงเป็นคำเบิกความที่เจือสมฝ่ายจำเลย โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี โจทก์จะอ้างว่าคำเบิกความของพยานคนกลางไม่ตรงกับข้อกฎหมายเรื่องการครอบครองจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้ครอบครอง จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทและเอกสาร ส.ค.1 ที่จำเลยอ้างส่งเป็นพยานไม่ถูกต้องเลอะเลือน นั้น ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกคำท้า
of 11