คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8939/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินจากคดียาเสพติด ไม่ผูกติดกับคำพิพากษาลงโทษ จำเป็นต้องมีการไต่สวนความเกี่ยวข้องของทรัพย์สิน
การขอให้ริบทรัพย์สินตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 มุ่งประสงค์จะให้ริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นหลัก โดยไม่คำนึงว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ การจะได้ความว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ย่อมจะต้องผ่านกระบวนการไต่สวนในเบื้องต้นเสียก่อนว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีที่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดถูกฟ้องอันเป็นคดีหลัก ตามถ้อยคำแห่ง พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 จึงบัญญัติข้อความแยกต่างหากจากการริบทรัพย์สินและขอคืนทรัพย์สิน ตามมาตรา 36 แห่ง ป.อ. ทั้งห้ามมิให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับ ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่า คดีที่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดถูกฟ้องเป็นคดีหลักและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงให้งดไต่สวนและยกคำร้องมานั้นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8684/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่นำเงินค่าธรรมเนียมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ทำให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้
ป.วิ.พ. มาตรา 229 เป็นบทบังคับทั้งคดีมีทุนทรัพย์และไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งกำหนดให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ หากผู้อุทธรณ์มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลแล้วศาลก็ชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที เพราะมิใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ การที่ศาลอุทธรร์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8228/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ไม่ใช่ขอรับจากคำพิพากษา
บทบัญญัติมาตรา 93 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลายฯ หมายความว่า กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แทนลูกหนี้และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนกระทั่งพิพากษาตามประเด็นแห่งคดีนั้น ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดี เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็จะมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่การที่ศาลจังหวัดเชียงรายซึ่งผู้ร้องทั้งสิบสองได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยออกจากสารบบความนั้น ย่อมไม่มีคดีที่ศาลจะต้องพิจารณาระหว่างโจทก์ (ผู้ร้องในคดีนี้) กับจำเลยอีกต่อไปไม่มีการแพ้ชนะคดี และการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 25 หรือไม่นั้นย่อมเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอประการใดต่อศาล ศาลก็มีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตามที่เห็นสมควรดังที่ศาลจังหวัดเชียงรายได้ใช้ดุลพินิจสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยออกจากสารบบความ ซึ่งมิใช่กรณีที่ศาลพิพากษาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดี ผู้ร้องทั้งสิบสองจึงมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 93 แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องทั้งสิบสองต้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามสัญญาแทนจำเลยตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 22 (1) และ 122

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7842/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาคดีแรงงาน: จำเลยต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงานก่อนชำระเงิน หากทำไม่ได้จึงชำระเงินได้
คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย ให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม ถ้าไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย เงินบำเหน็จ เงินสะสม และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์นั้น เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ โดยให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานก่อนเป็นอันดับแรกหากไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้จึงใช้วิธีชำระเงินเป็นวิธีสุดท้าย ซึ่งเป็นอำนาจของศาลแรงงานที่จะพิจารณาว่าจำเลยสามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้หรือไม่ มิใช่ความชอบธรรมและเป็นอำนาจบริหารจัดการของจำเลยโดยเด็ดขาดที่จะรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือไม่ก็ได้ เมื่อศาลแรงงานกลางยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงในประเด็นนี้จึงเห็นควรย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31, 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7811/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม หลังศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด และการบังคับคดี
กรณีตามฟ้องเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์โดยไม่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยหรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 100,000 บาทโจทก์จึงยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนและขายได้ในราคา 23,364.49 บาท เพราะรถยนต์ที่เช่าซื้อมีสภาพชำรุดทรุดโทรมอันเนื่องมาจากการใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เมื่อหักราคารถยนต์ที่โจทก์กำหนดให้ตามคำพิพากษาแล้วยังขาดอยู่เป็นเงิน 76,635.51 บาท โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองเรียกค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดราคาจากการขายรถยนต์ที่เช่าซื้อดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้วและกรณีก็ไม่อาจไปว่ากล่าวกันในคดีเดิมในชั้นบังคับคดีได้เพราะการบังคับคดีจะต้องอาศัยคำพิพากษาในคดีก่อนเป็นหลักแห่งการบังคับ ซึ่งไม่มีหนี้ตามฟ้องโจทก์ที่จะบังคับให้จำเลยทั้งสองต้องชำระแก่โจทก์รวมอยู่ด้วย โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดเป็นคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7738/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน-มูลหนี้ไม่ระงับ: แม้มีคำพิพากษาคดีจำนองแล้ว ศาลยังบังคับตามเช็คพิพาทได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญากู้ยืมเงินและจำนองขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 974,629 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้นำที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ซึ่งจะเห็นว่าตามสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ มูลฟ้อง และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแตกต่างกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องเรื่องเดียวกัน แม้มูลหนี้จะสืบเนื่องมาจากการกู้ยืมและสัญญาจำนองเช่นเดียวกัน ฟ้องคดีนี้ก็ไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน
แม้ศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาจำนองแล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระให้เสร็จสิ้น มูลหนี้ตามเช็คพิพาทยังไม่ระงับ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7567/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการบังคับคดีตามคำพิพากษา: บุคคลภายนอกไม่สามารถสวมสิทธิโจทก์ได้ แม้จะมีการโอนสิทธิโดยสุจริต
ผู้มีสิทธิบังคับคดีและผู้มีหน้าที่ต้องถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้น ป.วิ.พ. มาตรา 271 บัญญัติให้เป็นสิทธิและหน้าที่ของคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกที่อ้างว่าได้รับโอนสิทธิและหน้าที่ในหนี้ตามคำพิพากษาจากโจทก์ที่มีอยู่แก่จำเลย มิใช่คู่ความในคดีหรือเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะเป็นฝ่ายชนะคดี จึงไม่อาจที่จะเข้ามาสวมสิทธิโจทก์เพื่อดำเนินการอย่างใดเกี่ยวกับการบังคับคดีแก่จำเลยในคดีนี้ได้ ไม่ว่าผู้ร้องจะได้รับโอนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ในหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ที่มีอยู่แก่จำเลยมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่จะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์เด็ดขาดหรือไม่ ผู้ร้องย่อมไม่อาจเข้าสวมสิทธิโจทก์ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาเอาแก่จำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6438/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ระยะเวลา 5 ปีในการเรียกรับเงินที่วางศาล มิได้นับจากวันที่ทราบ
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษานั้น ย่อมเป็นเงินที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323 ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินดังกล่าวจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาลอันเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาเงินนั้นได้เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว หาใช่นับจากวันที่ที่โจทก์ได้รู้ว่ามีการวางเงินไม่ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยได้นำเงินมาวางศาลเมื่อใดไม่ได้ เมื่อโจทก์มิได้เรียกเอาเงินดังกล่าวภายใน 5 ปี เงินจำนวนนี้จึงตกเป็นของแผ่นดิน และโจทก์เป็นอันสิ้นสิทธิที่จะขอรับไป แม้เงินจำนวนดังกล่าวยังคงเก็บรักษาไว้ที่ศาลชั้นต้นก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะขอรับเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6387/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจดจำนองที่ดินอันเกิดจากเอกสารปลอมและการดำเนินการตามคำพิพากษาของเจ้าพนักงานที่ดิน
ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 วรรคแปดได้บัญญัติไว้ความว่า ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือการแก้ไขการจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างใดแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด โจทก์จึงสามารถนำสำเนาคำพิพากษาของศาลไปให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีดำเนินการตามคำพิพากษาได้ และ ป.ที่ดิน มาตรา 62 ยังได้บัญญัติไว้อีกว่า บรรดาคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ได้ออกโฉนดที่ดินแล้ว เมื่อศาลพิจารณาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ศาลแจ้งผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรือคำสั่งนั้นต่อเจ้าพนักงานที่ดินแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องบังคับให้จำเลยที่ 3 ไปจดทะเบียนแก้ไขรายการสารบาญจดทะเบียนท้ายโฉนดที่ดินพิพาทให้ปลดจากการจำนอง หรือให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5387/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่านับโทษได้หากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษแล้ว
การนับโทษต่อจากสำนวนคดีเรื่องใดจะต้องปรากฏว่าคดีเรื่องนั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไว้ก่อนแล้ว เมื่อศาลพิพากษาคดีเรื่องหลังจึงจะนับโทษต่อจากกำหนดโทษในสำนวนคดีเรื่องก่อนได้ เมื่อปรากฏจากคำฟ้องฎีกาของจำเลยที่ 2 แจ้งชัดแล้วว่าคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยแม้ว่าคดีดังกล่าวที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจะยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ยังไม่ถึงที่สุดดังที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงยังคงต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวอยู่ การที่คดียังไม่ถึงที่สุดจึงไม่ใช่เหตุที่จะนำมานับโทษจำเลยต่อไม่ได้
of 189