พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องสอดในคดีแพ่งของผู้เสียหายในคดีอาญา แม้คดีอาญายังไม่ถึงที่สุด เพื่อคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินจากการโอนออกไป
ผู้เสียหายในคดีอาญา ฐานยักยอกทรัพย์ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา มีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 ในคดีแพ่ง ซึ่งบุคคลอื่นฟ้องจำเลยโดยสมยอมกันโดยทุจริต เพื่อโอนทรัพย์สินของจำเลยไปให้พ้นการบังคับคดีอันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายเสียเปรียบ
สิทธิที่จะร้องสอดเช่นนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหนี้แน่นอนเพราะประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) มิได้กำหนดห้ามไว้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2503)
สิทธิที่จะร้องสอดเช่นนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหนี้แน่นอนเพราะประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) มิได้กำหนดห้ามไว้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างอาคารโดยไม่ขออนุญาตและล้ำที่ดินผู้อื่น ศาลมีอำนาจสั่งรื้อถอนเพื่อคุ้มครองสิทธิและประโยชน์สาธารณะ
จำเลยทำการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเลย และปรากฎว่าชายคาเรือนล้ำที่คนอื่นเข้าไปประมาณ 50 ซ.ม. และเรือนพิพาทปลูกคล่อมทางที่คนอื่นเคยใช้ออกไปสู่ทางสาธารณะอันเป็นการเสียหายเดือนร้อนแก่คนอื่นเช่นนี้ ย่อมเป็นการสมควรที่ศาลจะต้องสั่งรื้อเรือนพิพาทตามที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้เป็นโจทก์ร้องขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างอาคารโดยไม่ขออนุญาตและล้ำที่ดินผู้อื่น ศาลมีอำนาจสั่งรื้อถอนเพื่อคุ้มครองสิทธิและประโยชน์สาธารณะ
จำเลยทำการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเลย และปรากฏว่าชายคาเรือนล้ำที่คนอื่นเข้าไปประมาณ 50 ซ.ม. และเรือนพิพาทปลูกคร่อมทางที่คนอื่นเคยใช้ออกไปสู่ทางสาธารณะอันเป็นการเสียหายเดือดร้อนแก่คนอื่นเช่นนี้ ย่อมเป็นการสมควรที่ศาลจะต้องสั่งรื้อเรือนพิพาทตามที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้เป็นโจทก์ร้องขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นจำเลยร่วมเพื่อคุ้มครองสิทธิในกรณีสัญญากู้ที่สามีมิได้ยินยอม ศาลไม่อนุญาตหากยังไม่ถึงเวลาบังคับชำระหนี้
จำเลยถูกฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิของตนโดยที่จำเลยทำนิติกรรมไปไม่ได้รับความยินยอมจากตนก่อน ดั่งนี้ ศาลไม่อนุญาต เพราะถึงแม้ว่าโจทก์ชนะคดี ก็ยังไม่แน่ว่าโจทก์จะบังคับเอาจากทรัพย์ใด โจทก์อาจบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นในชั้นนี้ จึงยังไม่จำเป็นที่ผู้ร้องสามีจำเลยจะต้องร้องขอความคุ้มครองสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าช่วงและการพิสูจน์สถานะผู้เช่า: การไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อคุ้มครองสิทธิ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าอ้างว่าจำเลยเอาไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง จำเลยไม่สู้คดี ในชั้นบังคับคดีให้ขับไล่บริวารจำเลย ผู้ร้องซึ่งอยู่ในเรือนรายนี้ร้องว่าโจทก์เก็บค่าเช่าจากผู้ร้องตลอดมา ไม่ใช่บริวารจำเลย ศาลทำการไต่สวน เมื่อตัวผู้ร้องและสามีผู้ร้องเบิกความแสดงว่า สามีผู้ร้องเป็นผู้เช่า ผู้ร้องเป็นผู้อยู่ประจำ ได้ความเพียงเท่านี้ศาลจะด่วนสั่งให้งดสืบพยานเสีย โดยถือว่าผู้ร้องไม่ใช่ผู้เช่า ไม่มีสิทธิคัดค้านการบังคับดคีนั้น ไม่ได้ เพราะผู้ร้องและสามีผู้ร้องมีส่วนได้เสียในสิทธิที่ได้อยู่ในเรือนด้วยกัน คดีต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าและการคุ้มครองสิทธิผู้เช่าที่ทำสัญญาโดยสุจริต
จะเป็นคดีมโนสาเร่หรือไม่ ให้พิจารณาตามฟ้องที่โจทก์ตั้งฟ้องมาแต่ศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ปลูกห้องแถวในที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ ห้องแถวยังเป็นของจำเลยที่ 1 ตลอดมา ตัวโจทก์เองได้แสดงต่อบุคคลภายนอกให้หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจทำสัญญาในนามของจำเลยที่ 1 ให้บุคคลภายนอกเช่าอยู่ได้ ดังนี้โจทก์จะอ้างการอาศัยของจำเลยที่ 1 ขึ้นบังหน้าขับไล่บุคคลภายนอกไม่ได้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ให้มีผลเฉพาะระหว่างคู่ความชั้นอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ปลูกห้องแถวในที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ ห้องแถวยังเป็นของจำเลยที่ 1 ตลอดมา ตัวโจทก์เองได้แสดงต่อบุคคลภายนอกให้หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจทำสัญญาในนามของจำเลยที่ 1 ให้บุคคลภายนอกเช่าอยู่ได้ ดังนี้โจทก์จะอ้างการอาศัยของจำเลยที่ 1 ขึ้นบังหน้าขับไล่บุคคลภายนอกไม่ได้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ให้มีผลเฉพาะระหว่างคู่ความชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องสอดเป็นจำเลย: การคุ้มครองสิทธิในที่ดินพิพาท ศาลต้องอนุญาตหากมีสิทธิโดยตรง
ผู้ร้องสอดที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยโต้แย้งว่าที่พิพาทรายเดียวกันนั้นเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลยดังนี้ต้องตามมาตรา 57 อนุมาตรา (1) ไม่ใช่ตามอนุมาตรา (2) ผู้ร้องสอดมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความศาลจะยกมาตรา 29 วรรคท้ายมาใช้สั่งไม่อนุญาตโดยให้ไปฟ้องใหม่+สำนวนหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับมรดกของผู้ร้องสอดและการคุ้มครองสิทธิในคดีระหว่างโจทก์จำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้อง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57 (1) ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่อง และไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความ เช่น อนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลที่สามในคดีมรดก: การคุ้มครองสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์มรดกเมื่อมีการฟ้องหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามา เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่องและไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความเช่นอนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานะผู้จัดการมรดก และผู้รับมรดกของภริยาผู้วายชนม์ผู้ร้องสอดผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานผู้จัดการและรับมรดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานะผู้จัดการมรดก และผู้รับมรดกของภริยาผู้วายชนม์ผู้ร้องสอดผู้เป็นมารดาผู้ตายร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัวและในฐานผู้จัดการและรับมรดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกสัญญาเช่าภายใต้กฎหมายควบคุมค่าเช่า: สิทธิที่เกิดก่อนกฎหมายใหม่มีผลใช้บังคับย่อมได้รับการคุ้มครอง
ควรบอกเลิกสัญญาเช่าเคหะหรือขับไล่ผู้เช่าออกจากเคหะได้หรือไม่นั้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายที่ตัดรอนสิทธิอยู่ในขณะนั้น
โจทก์บอกเลิกการเช่าเคหะระหว่างที่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2486 แม้ระหว่างพิจารณาคดีจะได้ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้วก็ตาม พ.ร.บ.ที่ออกใหม่นี้ก็หาอาจกระทบกระเทือนสิทธิเลิกสัญญาการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้นไม่
โจทก์บอกเลิกการเช่าเคหะระหว่างที่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2486 แม้ระหว่างพิจารณาคดีจะได้ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้วก็ตาม พ.ร.บ.ที่ออกใหม่นี้ก็หาอาจกระทบกระเทือนสิทธิเลิกสัญญาการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้นไม่