คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าฤชาธรรมเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9439/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์เรื่องค่าฤชาธรรมเนียมโดยมิได้อ้างเหตุความไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นการอุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น อุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 168 จึงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9439/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมต้องห้ามตามมาตรา 168 หากมิได้อ้างเหตุค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 วรรคหนึ่ง ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียวโดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น อุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 168 จึงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9276/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ส่งผลให้ศาลปฏิเสธรับอุทธรณ์และไม่มีสิทธิฎีกา
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ อ้างว่าได้ขอทุเลาการบังคับคดีไว้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ไม่สามารถขอทุเลาการบังคับได้ ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นมีผลเป็นการปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ การที่ศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดอีกครั้งหนึ่ง โดยให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายใน 15 วัน แต่จำเลยยังคงยืนยันปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดดังกล่าวด้วย การยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคัดค้านคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยืนยันไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียม แต่ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้เท่านั้น หาได้มีคำขอประการอื่นไม่ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ย่อมมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ย่อมเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 236 จำเลยไม่มีสิทธิที่จะฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9276/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ทำให้ศาลปฏิเสธการรับอุทธรณ์ และคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
คำสั่งศาลชั้นต้นมีผลเป็นการปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์พร้อมคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยที่ยื่นด้วยเหตุที่จำเลยไม่ยอมนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง โดยให้จำเลยนำเงินมาวางภายใน 15 วัน แต่จำเลยยังคงยืนยันปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามด้วยการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคัดค้านคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีนั้นต่อศาลอุทธรณ์ยืนยันไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียม และขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยไว้ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ย่อมมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6628/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ, ความรับผิดในสัญญาซื้อขาย, และการกำหนดค่าฤชาธรรมเนียม
แม้อาคารสินธร ชั้นที่ 8 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลยเป็นที่ตั้งของบริษัทอื่นด้วย ใช้ประตูเข้าเดียวกัน เข้าประตูไปแล้วจะมีเคาน์เตอร์ตั้งอยู่ หากมีการส่งเอกสารมาถึงจำเลยและบริษัทอื่น พนักงานที่เคาน์เตอร์จะรับไว้แล้วนำไปให้บริษัทที่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่เมื่อเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปิดหมาย ณ ห้องเลขที่ 130 ถึง 132 ชั้นที่ 8 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยแล้ว การที่พนักงานเคาน์เตอร์ไม่นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปให้จำเลยเป็นเรื่องการจัดการภายในของจำเลยเอง จำเลยจะยกเป็นข้ออ้างว่าไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การหาได้ไม่ ถือว่าจำเลยจงใจไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนด จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ประเด็นข้อพิพาทจึงคงมีตามประเด็นตามคำฟ้อง จำเลยไม่มีสิทธิอ้างข้อเท็จจริงเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่ มีสิทธิเพียงสาบานตนให้การเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์เพื่อหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้น ฎีกาของจำเลยเมื่อไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาท ถือได้ว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
เบี้ยปรับที่ศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลย่อมลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 วรรคหนึ่ง แม้จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ก็ตาม
ป.วิ.พ. มาตรา 161 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจของศาลในการกำหนดความรับผิดเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา การที่ศาลใช้ดุลพินิจลดเบี้ยปรับลงเป็นจำนวนพอสมควรยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินคดีโดยไม่สุจริต ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้องเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3505/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: ศาลยืนราคาค่าทดแทนตามคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น และไม่เห็นควรให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียม
ป.วิ.พ. มาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้อำนาจศาลในการใช้ดุลพินิจที่จะกำหนดให้คู่ความแต่ละฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมส่วนของตนหรือตามส่วนแห่งค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายได้เสียไปได้โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง สำหรับการกำหนดราคาเบื้องต้นของอสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์นั้นเป็นการกำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งตามขั้นตอนของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 และคณะกรรมการดังกล่าวได้กำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์โดยถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดโดยมิได้แบ่งแยกว่าเป็นผู้ใด จำเลยที่ 1 มิได้ดำเนินคดีด้วยความไม่สุจริตแต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจพิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมในแต่ละศาลทั้งสองฝ่ายเป็นพับนั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2542 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาค่าทนายความ: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์เรื่องค่าฤชาธรรมเนียมและข้อจำกัดในการฎีกา
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์สูงและเป็นคดีมีข้อยุ่งยาก ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความ 1,000,000 บาท การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 50,000 บาท จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทำคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่อย่างเดียว และข้ออ้างในฎีกาของจำเลยล้วนเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการกำหนดค่าทนายความที่โจทก์ผู้แพ้คดีต้องใช้แทนจำเลย นอกจากนี้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ใช้แทนจำเลย ก็เป็นจำนวนที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรระหว่างอัตราขั้นต่ำและอัตราขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้าย ป.วิ.พ.แล้ว เมื่อจำเลยมิได้ฎีกายกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นกำหนดหรือคำนวณไม่ถูกต้องตามกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 168 ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์เรื่องค่าทนายความโดยไม่ยกเหตุความผิดพลาดในการคำนวณค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์สูงและเป็นคดีมีข้อยุ่งยาก ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความ 1,000,000 บาท การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 50,000 บาท จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในชั้นอุทธรณ์จำเลยทำคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่อย่างเดียว และข้ออ้างในฎีกาของจำเลยล้วนเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการกำหนดค่าทนายความที่โจทก์ผู้แพ้คดีต้องใช้แทนจำเลย นอกจากนี้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ใช้แทนจำเลย ก็เป็นจำนวนที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรระหว่างอัตราขั้นต่ำและอัตราขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แล้ว เมื่อจำเลยมิได้ฎีกายกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นกำหนดหรือคำนวณไม่ถูกต้องตามกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์เรื่องค่าทนายความ โดยมิได้อ้างเหตุความผิดพลาดในการคำนวณค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์สูงและเป็นคดีมีข้อยุ่งยาก ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความ 1,000,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 50,000 บาท จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทำคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่อย่างเดียว และข้ออ้างในฎีกาของจำเลยล้วนเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการกำหนดค่าทนายความที่โจทก์ผู้แพ้คดีต้องใช้แทนจำเลย นอกจากนี้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ใช้แทนจำเลย ก็เป็นจำนวนที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรระหว่างอัตราขั้นต่ำและอัตราขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตาราง 6ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ฎีกายกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นกำหนดหรือคำนวณไม่ถูกต้องตามกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งคืนค่าขึ้นศาลที่ศาลใช้ดุลพินิจในการหักค่าธรรมเนียมศาล เป็นปัญหาค่าฤชาธรรมเนียม จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย
การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศคืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์สามในสี่ส่วนในกรณีที่โจทก์ถอนฟ้อง โดยหักไว้หนึ่งในสี่คิดเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เป็นการหักไว้มากเกินไป ขอให้หักเงินค่าขึ้นศาลไว้ไม่เกิน 5,000 บาท และคืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์เพิ่มอีก45,000 บาท นั้น เมื่อเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะดุลพินิจในการสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลอันเป็นปัญหาในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยมิได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 168 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 34