คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จัดการทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์สินของผู้วายพลัน: สิทธิผู้มีส่วนได้เสียและการแต่งตั้งผู้จัดการทรัพย์
การที่ศาลจะสั่งตั้งผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์ของผู้สายศูนย์นั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลเมื่อไม่ได้ร้องขอขึ้นมาก็ไม่ชอบที่ศาลจะตั้งเป็นผู้จัดการครอบครัว คนบังคับอังกฤษแต่งงานไม่จำต้องจดทะเบียนที่กงสุลหรือจำต้องปรากฏชื่อภริยาในหนังสือสำหรับตัวเองแม้ทางก
สุลจะไม่รับรอง หากเป็นเรื่องเกิดก่อนประมวลแพ่ง ฯ บรรพ 5 ก็ถืว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฏหมายได้ฎีกาอุทธรณ์สัญญาทางพระราชไมตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าอาวาสในการจัดการและฟ้องร้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของวัด
เจ้าอาวาสย่อมมีอำนาจตั้งแต่บุคคลใด ๆ ให้ฟ้องความแทนวัดในเรื่องที่มีผู้มาบุกรุกที่ของวัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งกำไรหุ้นส่วนเลิกห้าง ต้องมีการชำระบัญชีหรือตกลงจัดการทรัพย์สินก่อน จึงจะฟ้องร้องได้
การฟ้องขอแบ่งทุนกำไรของหุ้นส่วนสามัญ ที่เลิก+กันแล้วนั้น จะต้องมีการชำระบัญชีหรือตกลงจัดการทรัพย์สินกันโดยวิธี+ก่อน จึงจะฟ้องขอ+ได้ การคิดบัญชีไม่เรียกว่าเป็นการชำระบัญชี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ: นายทะเบียนต้องรับจดทะเบียนเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงจัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นถูกต้องตามกฎหมาย
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนนั้นเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงจัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นถูกต้องตามมาตรา 1061 แล้วผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมขอให้นายทะเบียนจดทะเบียนการเลิกห้างได้ เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนหรือตัวแทนบอกกล่าวยืนยันว่าห้างห้างหุ้นส่วนเลิกจากกันและจัดการทรัพย์สินแล้ว ทั้งคำขอขีดชื่อห้ามหุ้นส่วนไม่ขัดต่อมาตรา 1019 แล้วนายทะเบียนต้องรับจดทะเบียนให้ โดยไม่มีหน้าที่ปฏิเสธข้อความเหล่านั้น วิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณพะยาน คู่ความฝ่าย 1 ส่งเอกสารเป็นพะยานอีกฝ่าย 1 มิได้ปฏิเสธความแท้จริงของเอกสารแลข้อความในเอกสารทั้งไม่มีหน้าที่ปฏิเสธข้อความในเอกสารนั้นตามกฎหมายแล้วศาลยอมรับฟังเป็นความจริงตามเอกสารนั้นได้ โดยไม่ต้องมีพะยานบุคคลประกอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกต้องด้วยกฎหมายและมีการจัดการสิทธิในทรัพย์สิน หากไม่ดำเนินการสิทธิจะระงับ
ที่ดิน
มฤดก
ปกครอง
อายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์สินโดยเจตนาทุจริตและการหักค่าใช้จ่ายจากกองมรดก จำเลยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
เข้าจัดการของเขาโดยเจตนาทุจจริตแลได้ทดรองเงินไปนั้น ตัวการไม่ต้องชดใช้เงินค่าธรรมเนียมอย่างไร จึงจะหักจากกองมฤดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14808/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีระหว่างผู้ล้มละลายและการจัดการทรัพย์สิน: การแยกส่วนคดีขับไล่และค่าเสียหาย
คำฟ้องโจทก์ที่มีคำขอให้ขับไล่จำเลยออกจากทรัพย์ที่ให้เช่าของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลยซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่จะต่อสู้คดีได้โดยลำพัง แต่ในส่วนคำฟ้องที่มีคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สิน เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีแทนจำเลย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องไม่ขอเข้าดำเนินคดี โดยเห็นว่าค่าเสียหายเป็นสิทธิเรียกร้องที่มีมูลหนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ต้องห้ามมิให้รับชำระหนี้ตามมาตรา 24 เป็นเพียงความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา จึงถือได้ว่าไม่ติดใจคัดค้าน การที่จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีเองเฉพาะส่วนฟ้องขับไล่ และอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีได้ โดยมิได้สั่งงดพิจารณาคดีหรือจำหน่ายคดีในส่วนค่าเสียหาย ถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีในส่วนนี้แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยอุทธรณ์ได้เฉพาะที่พิพากษาให้ขับไล่จำเลย ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ส่วนที่ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่รับวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9359/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินวัด: วัดมีอำนาจฟ้องเองได้ ไม่ต้องผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
โจทก์เป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และเป็นเจ้าของที่ดินธรณีสงฆ์ที่พิพาท จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์บางส่วนเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยมิได้ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท เท่ากับจำเลยยอมรับอำนาจการจัดการที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่เช่าของโจทก์มาตั้งแต่แรก เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไป จำเลยยังคงครอบครองและไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
การฟ้องคดีเพื่อขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินของวัดโจทก์ไม่ได้อยู่ในบังคับที่จะต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 40 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติกลางได้แก่ทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7353/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์สินสามีที่หายตัวไป: ศาลต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยซึ่งเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายได้ออกไปจากภูมิลำเนาและไม่ได้กลับมาอีกเป็นเวลา 1 ปีเศษ โดยไม่ทราบว่าจำเลยเป็นตายร้ายดีประการใด จำเลยไม่อาจยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมโดยผู้ร้องได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีมาพร้อมคำร้อง เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ โดยมิได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้ และไม่มีใครรู้แน่ว่าจำเลยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องก็ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ร้องทำการอย่างหนึ่งอย่างใดไปพลางก่อนตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 48 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของผู้ร้องให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่แน่ชัดเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ไต่สวนคำร้องเสียก่อนเช่นนี้เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ แห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยการพิจารณา ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งใหม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ แห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7353/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์สินของบุคคลหายตัวไป - ศาลต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่ง
ผู้ร้องอ้างว่า จำเลยไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ โดยมิได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้และไม่มีใครรู้แน่ว่า จำเลยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้อง ก็ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ร้องทำการอย่างหนึ่งอย่างใดไปพลางก่อนตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 48 วรรคหนึ่ง กรณีเช่นว่านี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของผู้ร้องให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่แน่ชัดเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ไต่สวนคำร้องเสียก่อนเช่นนี้เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งใหม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
of 8