พบผลลัพธ์ทั้งหมด 85 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณและการถอนคืนการให้ กรณีแจ้งความเท็จทำให้เสียชื่อเสียง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยกกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของโจทก์ในที่ดินโฉนดที่ 530 ให้จำเลย ต่อมาจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณ ขอให้ศาลสั่งถอนคืนการให้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายให้และไม่ได้ประพฤติเนรคุณ ทางพิจารณาฟังเป็นยุติได้ว่า เป็นเรื่องโจทก์ยกให้มิใช่ขาย และได้ความต่อไปว่า เมื่อบิดาโจทก์จำเลยซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดดังกล่าวตายลง โจทก์ยื่นขอรับมรดกส่วนของบิดา จำเลยคัดค้านและฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่ง ศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งมรดกของบิดาให้โจทก์ คดีอยู่ระหว่างฎีกา โจทก์ให้คนมาเก็บหมากในที่พิพาทนั้น จำเลยจึงแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ว่าโจทก์ลักหมาก แต่ชั้นนี้ไม่ติดใจเอาเรื่องเพราะโจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน หมากที่หายราคาเล็กน้อย กับหลักฐานยังไม่เป็นผิด แต่ถ้าเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก จะเอาเรื่องให้ตำรวจจัดการต่อไป ต่อมาโจทก์ให้คนมาเก็บหมากอีก จำเลยจึงให้สามีไปแจ้งความ ครั้งสุดท้ายโจทก์ให้คนมาเก็บหมากอีก จำเลยจึงแจ้งตำรวจตู้ยามจับโจทก์หาว่าลักหมาก1ทะลาย ตำรวจจึงควบคุมตัวโจทก์ไว้เพื่อดำเนินคดี ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยได้ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 351(2) เป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ พิพากษาให้ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146-1147/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณและการถอนคืนการให้ทรัพย์สิน กรณีบุตรกล่าวหาบิดาข่มขืนเด็ก
แม้จำเลยซึ่งเป็นบุตรสาว จะได้อยู่บ้านปรนนิบัติโจทก์ผู้เป็นบิดามาแต่ผู้เดียวในเวลา เดียวกับที่พี่ ๆ น้อง ๆ ไปศึกษาเล่าเรียกหรือไปอยู่ต่างจังหวัดก็ดี การที่โจทก์ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นจำนวนมากราคาสูง และเป็นทรัพย์ส่วนใหญ่ให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ส่วนบุตรคนอื่น ๆ ไม่ได้ ก็มีลักษณะที่แสดงให้เห็นว่า เนื่องจากจากเหตุบางประการที่ไม่ปรากฏชัดแจ้งในสำนวน เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา
จำเลยเป็นบุตรสาวของโจทก์ เวลากลางคืนโจทก์ไปตามเด็กหญิง คนใช้ที่บ้านพักจำเลยโดยหาว่าจำเลยเอาเด็กนั้นมากักขังไว้ โจทก์จะให้เด็กกลับบ้านโจทก์ จำเลยไม่ยอม หาว่าโจทก์ปลุกปล้ำเด็กจะเอาเป็นภรรยา เด็กไม่ยอมจึงวิ่งมาหาจำเลย โจทก์จำเลยเถียงกัน จำเลยค่าโจทก์ว่า ไอ้แก่ กูไม่นับถือมึง อ้ายพ่อฉิบหาย โจทก์ตบหน้าจำเลย จำเลยถีบเอาโจทก์ ล้มลง แล้วต่างปล้ำทำร้ายกัน จนร่างกายฟกช้ำดำเขียว ไปทั้งสองฝ่าย โจทก์ด่าจำเลยว่า อีสัตว์อีเหี้ย จำเลยด่าโจทก์ว่า อ้ายแก่ อ้ายเนรคุณ กูไม่นับถือมึง มีคนห้ามจึงเลิกกัน ต่อมาอีก 5 วัน โจทก์และจำเลยมาสถานีตำรวจ เรื่องจำเลยหาว่าโจทก์ลักโฉนด เกิดโต้เถียงกันอีก จำเลยค่า โจทก์ว่า มึงเนรคุณกู กูไม่นับถือมึง แก่แล้วยังบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก ทั้งนี้ ต่อหน้าคนหลายคน เช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการประพฤติเนรคุณ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว คือจำเลยผู้รับได้ทำให้โจทก์ ผู้ให้ เสียชื่อเสียงและหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง เพราะจำเลยได้ว่า โจทก์ข่มขืนเด็ก ซึ่งเป็นความผิดอันจักต้องโทษ ทางอาญา การกล่าวอ้าง ทั้งนี้ จะถือว่าเป็นเพียงการค่าว่า โต้ตอบกันไปกันระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้เพราะคำที่กล่าวนั้น มิใช่เพียงคำ หยาบที่ไร้ความหมาย หรือที่มิได้ตั้งใจจะให้มีความหมาย นอกไปจากเป็นคำหยาบ หากแต่เป็นคำกล่าวยืนยัน ข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยยกขึ้นว่าเอากับโจทก์ว่าบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก กรณีดังนี้ โจทก์ย่อม ถอนคืนการให้ได้
จำเลยเป็นบุตรสาวของโจทก์ เวลากลางคืนโจทก์ไปตามเด็กหญิง คนใช้ที่บ้านพักจำเลยโดยหาว่าจำเลยเอาเด็กนั้นมากักขังไว้ โจทก์จะให้เด็กกลับบ้านโจทก์ จำเลยไม่ยอม หาว่าโจทก์ปลุกปล้ำเด็กจะเอาเป็นภรรยา เด็กไม่ยอมจึงวิ่งมาหาจำเลย โจทก์จำเลยเถียงกัน จำเลยค่าโจทก์ว่า ไอ้แก่ กูไม่นับถือมึง อ้ายพ่อฉิบหาย โจทก์ตบหน้าจำเลย จำเลยถีบเอาโจทก์ ล้มลง แล้วต่างปล้ำทำร้ายกัน จนร่างกายฟกช้ำดำเขียว ไปทั้งสองฝ่าย โจทก์ด่าจำเลยว่า อีสัตว์อีเหี้ย จำเลยด่าโจทก์ว่า อ้ายแก่ อ้ายเนรคุณ กูไม่นับถือมึง มีคนห้ามจึงเลิกกัน ต่อมาอีก 5 วัน โจทก์และจำเลยมาสถานีตำรวจ เรื่องจำเลยหาว่าโจทก์ลักโฉนด เกิดโต้เถียงกันอีก จำเลยค่า โจทก์ว่า มึงเนรคุณกู กูไม่นับถือมึง แก่แล้วยังบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก ทั้งนี้ ต่อหน้าคนหลายคน เช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการประพฤติเนรคุณ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว คือจำเลยผู้รับได้ทำให้โจทก์ ผู้ให้ เสียชื่อเสียงและหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง เพราะจำเลยได้ว่า โจทก์ข่มขืนเด็ก ซึ่งเป็นความผิดอันจักต้องโทษ ทางอาญา การกล่าวอ้าง ทั้งนี้ จะถือว่าเป็นเพียงการค่าว่า โต้ตอบกันไปกันระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้เพราะคำที่กล่าวนั้น มิใช่เพียงคำ หยาบที่ไร้ความหมาย หรือที่มิได้ตั้งใจจะให้มีความหมาย นอกไปจากเป็นคำหยาบ หากแต่เป็นคำกล่าวยืนยัน ข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยยกขึ้นว่าเอากับโจทก์ว่าบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก กรณีดังนี้ โจทก์ย่อม ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146-1147/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากเนรคุณ: การด่าว่าและกล่าวหาเท็จสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง
แม้จำเลยซึ่งเป็นบุตรสาวจะได้อยู่บ้านปรนนิบัติโจทก์ผู้เป็นบิดามาแต่ผู้เดียวในเวลาเดียวกับที่พี่ๆ น้องๆไปศึกษาเล่าเรียนหรือไปอยู่ต่างจังหวัดก็ดี การที่โจทก์ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นจำนวนมากราคาสูงและเป็นทรัพย์ส่วนใหญ่ให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ส่วนบุตรคนอื่นๆ ไม่ได้ ก็มีลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าเนื่องมาจากเหตุบางประการที่ไม่ปรากฏชัดแจ้งในสำนวนเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา
จำเลยเป็นบุตรสาวของโจทก์ เวลากลางคืนโจทก์ไปตามเด็กหญิงคนใช้ที่บ้านพักจำเลยโดยหาว่าจำเลยเอาเด็กนั้นมากักขังไว้ โจทก์จะให้เด็กกลับบ้านโจทก์ จำเลยไม่ยอม หาว่าโจทก์ปลุกปล้ำเด็กจะเอาเป็นภรรยา เด็กไม่ยอมจึงวิ่งมาหาจำเลย โจทก์จำเลยเถียงกัน จำเลยด่าโจทก์ว่า "ไอ้แก่กูไม่นับถือมึงอ้ายพ่อฉิบหาย" โจทก์ตบหน้าจำเลย จำเลยถีบเอาโจทก์ล้มลงแล้วต่างปล้ำทำร้ายกัน จนร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปทั้งสองฝ่าย โจทก์ด่าจำเลยว่าอีสัตว์อีเหี้ย จำเลยด่าโจทก์ว่า "อ้ายแก่อ้ายเนรคุณกูไม่นับถือมึง" มีคนห้ามจึงเลิกกัน ต่อมาอีก 5 วัน โจทก์และจำเลยมาสถานีตำรวจ เรื่องจำเลยหาว่าโจทก์ลักโฉนด เกิดโต้เถียงกันอีก จำเลยด่าโจทก์ว่า "มึงเนรคุณกู กูไม่นับถือมึง แก่แล้วยังบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก" ทั้งนี้ ต่อหน้าคนหลายคนเช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) แล้ว คือจำเลยผู้รับได้ทำให้โจทก์ผู้ให้ เสียชื่อเสียงและหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรงเพราะจำเลยได้ว่าโจทก์ข่มขืนเด็ก ซึ่งเป็นความผิดอันจักต้องโทษทางอาญา การกล่าวอ้างทั้งนี้จะถือว่าเป็นเพียงการด่าว่าโต้ตอบกันไปมาระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้ เพราะคำที่กล่าวนั้น มิใช่เพียงคำหยาบที่ไร้ความหมาย หรือที่มิได้ตั้งใจจะให้มีความหมายนอกไปจากเป็นคำหยาบหากแต่เป็นคำกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยยกขึ้นว่าเอากับโจทก์ว่าบ้าตัณหาข่มขืนเด็กกรณีดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้ได้
จำเลยเป็นบุตรสาวของโจทก์ เวลากลางคืนโจทก์ไปตามเด็กหญิงคนใช้ที่บ้านพักจำเลยโดยหาว่าจำเลยเอาเด็กนั้นมากักขังไว้ โจทก์จะให้เด็กกลับบ้านโจทก์ จำเลยไม่ยอม หาว่าโจทก์ปลุกปล้ำเด็กจะเอาเป็นภรรยา เด็กไม่ยอมจึงวิ่งมาหาจำเลย โจทก์จำเลยเถียงกัน จำเลยด่าโจทก์ว่า "ไอ้แก่กูไม่นับถือมึงอ้ายพ่อฉิบหาย" โจทก์ตบหน้าจำเลย จำเลยถีบเอาโจทก์ล้มลงแล้วต่างปล้ำทำร้ายกัน จนร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปทั้งสองฝ่าย โจทก์ด่าจำเลยว่าอีสัตว์อีเหี้ย จำเลยด่าโจทก์ว่า "อ้ายแก่อ้ายเนรคุณกูไม่นับถือมึง" มีคนห้ามจึงเลิกกัน ต่อมาอีก 5 วัน โจทก์และจำเลยมาสถานีตำรวจ เรื่องจำเลยหาว่าโจทก์ลักโฉนด เกิดโต้เถียงกันอีก จำเลยด่าโจทก์ว่า "มึงเนรคุณกู กูไม่นับถือมึง แก่แล้วยังบ้าตัณหาข่มขืนเด็ก" ทั้งนี้ ต่อหน้าคนหลายคนเช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) แล้ว คือจำเลยผู้รับได้ทำให้โจทก์ผู้ให้ เสียชื่อเสียงและหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรงเพราะจำเลยได้ว่าโจทก์ข่มขืนเด็ก ซึ่งเป็นความผิดอันจักต้องโทษทางอาญา การกล่าวอ้างทั้งนี้จะถือว่าเป็นเพียงการด่าว่าโต้ตอบกันไปมาระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้ เพราะคำที่กล่าวนั้น มิใช่เพียงคำหยาบที่ไร้ความหมาย หรือที่มิได้ตั้งใจจะให้มีความหมายนอกไปจากเป็นคำหยาบหากแต่เป็นคำกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยยกขึ้นว่าเอากับโจทก์ว่าบ้าตัณหาข่มขืนเด็กกรณีดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอถอนคืนการให้เนื่องจากผู้รับประพฤติเนรคุณ ต้องพิสูจน์การให้แก่ผู้รับโดยตรง
โจทก์เป็นมารดาภรรยาจำเลย ยกที่ดินให้ภรรยาจำเลยร่วมกับหลานซึ่งเป็นบุตรจำเลย ต่อมาผู้รับทั้งสองตาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยกที่ดินให้แก่ตัวจำเลยเอง ดั่งนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากเนรคุณ การด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายร้ายแรงถือเป็นเหตุให้ถอนคืนได้
จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง เป็นการหมิ่นประมาทอย่างแรง ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโจทก์ผู้เป็นมารดา โจทก์ถอนคืนการให้เสียได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 531 (2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องถอนคืนการให้เนื่องจากเหตุเนรคุณ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุเวลาและสถานที่
บรรยายฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ ผู้รับบอก++ไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแต่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ ดังนี้ถือว่าสมบูรณ์พอแล้ว หาเป็นเคลือบคลุมไม่ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเวลา สถานที่ นั้นเป็นข้อที่จะต้องนำสืบประกอบ หาจำต้องระบุไว้ในฟ้องไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากเนรคุณเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
โจทก์ฟ้องขอถอนคืนที่ดินที่ยกให้จำเลยเพราะเหตุเนรคุณเมื่อได้ความว่าโจทก์ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพราะจำเลยยินยอมโอนที่ดินแปลงอื่นให้แก่บุตรโจทก์อีกคนหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกัน กรณีเช่นนี้จะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้โดยเสน่หาเนื่องจากผู้รับประพฤติเนรคุณด้วยการหมิ่นประมาทบิดา
บิดายกทรัพย์ให้แก่บุตรสาวโดยเสน่หาแล้วต่อมาบุตรสาวได้ด่าว่าบิดาว่าเอาบุตรสาวอีกคนหนึ่งเป็นเมีย จึงเป็นการหมิ่นประมาทบิดาผู้ให้อย่างร้างแรง เป็นเหตุให้เรียกถอนคืนหารให้ เพราะผู้รับประพฤติเนรคุณได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้โดยเสน่หาเนื่องจากผู้รับประพฤติเนรคุณด้วยการหมิ่นประมาทบิดาอย่างร้ายแรง
บิดายกทรัพย์ให้แก่บุตรสาวโดยเสน่หาแล้ว ต่อมาบุตรสาวได้ด่าว่าบิดาว่าเอาบุตรสาวอีกคนหนึ่งเป็นเมีย จึงเป็นการหมิ่นประมาทบิดาผู้ให้อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้เรียกถอนคืนการให้ เพราะผู้รับประพฤติเนรคุณได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากผู้รับบริจาคแสดงกิริยาเนรคุณต่อผู้ให้
ตายกที่นาให้หลานแล้วไปจำศีลอาศัยอยู่ที่วัด ต่อมาร่างกายทรุดโทรมเพราะชรามาก จึงกลับมาขออาศัยหลานอยู่ หลานไม่ยอมให้ตาอาศัยจนตาต้องไปอาศัยอยู่กับบุตรคนหนึ่งต่อมาหลานหนีผัวตามชู้ไป ตาว่ากล่าวสั่งสอน หลานกลับด่าตาด้วยถ้อยคำหยาบช้าลามากต่าง ๆ ดังนี้ ชอบที่จะถอนคืนการให้ได้