พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: จำเป็นต้องตรวจสอบสถานะที่ดินสาธารณสมบัติก่อนพิจารณา
โจทก์อ้างเป็นเจ้าของที่พิพาทฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าเพราะเหตุสัญญาเช่าครบกำหนดเวลา จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและโจทก์ไม่มีสิทธิอื่นใดในที่พิพาทโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย (อ้างฎีกาที่ 948/2501)
เมื่อศาลชั้นต้นงดสืบพยานในประเด็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่ปัญหาที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามที่จำเลยต่อสู้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามให้พิจารณาพิพากษาใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นงดสืบพยานในประเด็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่ปัญหาที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามที่จำเลยต่อสู้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามให้พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีพิพาทที่ดินสาธารณสมบัติ การฟ้องแย้งขับไล่ไม่ใช่คดีกรรมสิทธิ์
จำเลยฟ้องแย้งในฐานะนายอำเภอและประธานสุขาธิบาล ขอให้ขับไล่โจทก์และบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทีพิพาท ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย มิใช่เป็นคดีที่พิพาทโต้แย้งด้วยกรรมสิทธิ์ที่พิพาท จึงเสียค่าขึ้นศาลอย่างมีคดีที่มีคำให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลฟ้องแย้งกรณีที่ดินสาธารณสมบัติ - มิใช่คดีกรรมสิทธิ์
จำเลยฟ้องแย้งในฐานะนายอำเภอและประธานสุขาภิบาล ขอให้ขับไล่โจทก์และบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลยมิใช่เป็นคดีที่พิพาทโต้แย้งด้วยกรรมสิทธิ์ที่พิพาท จึงเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง, ที่ดินสาธารณสมบัติ, และการเพิกถอนสิทธิ
การที่จะฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองอยู่ตรงไหน มิได้มีกฎหมายบัญญัติบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงกรณีจึงไม่ต้องห้ามในการที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าที่ดินที่จำเลยแจ้งการครอบครองไว้นั้นเป็นที่ดินตรงไหน
เรื่องจะกำหนดให้ฝ่ายใดต้องเสียค่าทนายความให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าใดนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้เป็นเรื่องๆไปแล้วแต่รูปคดี มิใช่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์แล้วศาลจะต้องกำหนดให้จำเลยเสียค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์เสมอไป
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า จำเลยเพิ่งเข้าครอบครองภายหลังวันประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเข้าครอบครองโดยมิชอบ ไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองขึ้นต่อสู้กับรัฐได้
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าตลอดมา 10 ปีเศษแล้วแต่เมื่อจำเลยมิได้แจ้งการครอบครองภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ต้องถือว่าจำเลยสละสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว รัฐมีอำนาจจัดที่ดินนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2509เป็นการประชุมเพื่อหาคณะ)
เรื่องจะกำหนดให้ฝ่ายใดต้องเสียค่าทนายความให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าใดนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้เป็นเรื่องๆไปแล้วแต่รูปคดี มิใช่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์แล้วศาลจะต้องกำหนดให้จำเลยเสียค่าทนายความอย่างสูงแก่โจทก์เสมอไป
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า จำเลยเพิ่งเข้าครอบครองภายหลังวันประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเข้าครอบครองโดยมิชอบ ไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองขึ้นต่อสู้กับรัฐได้
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าตลอดมา 10 ปีเศษแล้วแต่เมื่อจำเลยมิได้แจ้งการครอบครองภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ต้องถือว่าจำเลยสละสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว รัฐมีอำนาจจัดที่ดินนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2509เป็นการประชุมเพื่อหาคณะ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและภูมิลำเนา การครอบครองที่ดิน และสิทธิเหนือที่ดินสาธารณสมบัติ
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้ และพบจำเลย ๆ ไม่ยอมรับ เจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
ความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้น ไม่ได้กินความถึงการบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณาสมบัติของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินงอกริมตลิ่ง: การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มนับเมื่อที่ดินนั้นเป็นของเอกชนแล้ว
ก่อนเป็นที่งอก ที่พิพาท เป็นที่น้ำท่วมถึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินต่อมาที่พิพาทเริ่มเป็นของจำเลยโดยเป็นที่งอกหน้าที่ดินของจำเลยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308เมื่อ 3 ปีมานี้ การที่โจทก์ครอบครองปรปักษ์ต่อที่ดินของจำเลยดังกล่าวนี้เพียง 3 ปีโจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ ๆ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณ คืออยู่ในที่น้ำท่วมถึง แต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์ เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้สิทธิในที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณคืออยู่ในที่น้ำท่วมถึงแต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ: การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าและการครอบครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ
คำว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตรงกันกับคำว่า " ที่ดินรกร้างว่างเปล่า " ใน ป.พ.พ.มาตรา 1304 (1) เมื่อทางการต้องการหวงห้ามที่ดินที่ยังรกร้างว่างเปล่า เพื่อจะใช้เป็นสาธารณประโยชน์ใด ก็ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 (2) ป.พ.พ. ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่า ที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ณาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้น โจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาาพของลักษณะที่ดิน ที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304 (1) แต่อย่างใด
โจทย์ฟ้องว่าโจทก์เทศบาลได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ที่ดินที่พลเมืองได้ใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 (2) ป.พ.พ. ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่า ที่เหล่านั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในตัว แม้ภายหลังจะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์จากอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ด้วย
ที่ณาปนสถานซึ่งประชาชนใช้ฝังและเผาศพอยู่ ภายหลังได้ล้างป่าช้า และได้ปลูกโรงเรียนเทศบาลขึ้น ที่ดังกล่าวนั้นก็ยังเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า บริเวณโดยรอบซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่านั้น โจทก์มุ่งหมายให้เข้าใจเพียงว่าเป็นที่ส่วนประกอบของที่สาธารณตามสภาาพของลักษณะที่ดิน ที่เช่นนั้นไม่เกี่ยวกับที่ว่างเปล่าตามมาตรา 1304 (1) แต่อย่างใด
โจทย์ฟ้องว่าโจทก์เทศบาลได้เข้าครอบครองโดยได้รับมอบให้ดูแลจัดตั้งสถานที่ศึกษาเล่าเรียนอันเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐตามอำนาจและหน้าที่ จำเลยได้เข้ามาบุกรุกอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้