คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอค่าบำเหน็ดนำจับต้องมีคำขอบังคับชัดเจนในฟ้อง มิฉะนั้นศาลไม่สามารถตัดสินให้จ่ายได้
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันค่าโคกะบือโดยมิได้รับอนุญาตและว่ามีสัญญาจ่ายเงินรางวันผู้นำจับโดยจ้างประกาส ส่วนคำขอท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของกลางแต่ไม่มีคำขอบังคับไนเรื่องค่าบำเหน็ดนำจับ ศาลไม่บังคับไห้
การบังคับไห้จำเลยไช้ค่าทดแทนตาม ป.ว.อ.ม.249 ต้องบังคับตามประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง ฉะนั้นคำขอไห้ไช้เงินบำเหน็ดจึงเปนคำขอทางแพ่ง ซึ่งต้องมีคำขอบังคับตาม ม.172 ประมวนวิธีพิจารนาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมต้องจดทะเบียนเอง โจทก์ต้องขอจดทะเบียนก่อน จึงจะฟ้องบังคับจำเลยได้
โจทก์ได้ภาระจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์ของจำเลยมาไม่ใช่โดยทางนิติกรรมโจทก์ต้องเป็นผู้ไปขอจดทะเบียนภาระจำยอมนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เองหาใช้หน้าที่ของจำเลยผู้เป็นเจ้าของภาระทรัพย์ไม่
โจทก์ได้ภาระจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์ของจำเลยโดยไม่ใช่ทางนิติกรรมโจทก์ยังไม่มีสิทธิ์มาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ยอมให้จดทะเบียนภาระจำยอมเหนือทรัพย์นั้น ในเมื่อโจทก์ยังมิได้ ไปขอจดทะเบียนหรือปรากฏว่าจำเลยแสดงการไม่ยินยอม ขัดขวางหรือทำผิดต่อภาระจำยอมอย่างใดอันเป็นมูลที่โจทก์จะยกขึ้นฟ้องได้ตามประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.55.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอาญาจากการรู้เห็นการกระทำผิดของผู้อื่น และการถูกข่มขู่บังคับ
จำเลยไม่ได้สมคบกับพวกไปลักหรือปล้นทรัพย์ แต่เวลาปล้นนั้นจำเลยอยุ่บนเรือนด้วย พวกของจำเลยได้เก็บทรัพย์มาส่งจำเลย ๆ ก็รับทรัพย์นั้นแล้วพากันหนีไป พฤตติการณ์เช่นนี้จำเลยมีความผิด
(หมายเหตุ แต่จะเป็นผิดฐานตัวการหรือสมรู้นั้นไม่มีฎีกาในประเด็นข้อนี้ ถึงแม้จะได้ความว่าเป็นตัวการก็แก้โทษจำเลยไม่ได้ ฉะนั้นศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยถึง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายโคและการบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์
ซื้อขายโคได้ชำระราคาแลส่งมอบโคกันแล้ว โดยตกลงว่าจะไปโอนทะเบียนกันวันหลัง เป็นสัญญาจะซื้อขายแลฟ้องขอบังคับให้โอนทะเบียนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับโอนประทานบัตรหลังการโอนให้บุคคลที่สาม: ศาลสั่งให้จำเลยดำเนินการโอนให้โจทก์ได้
คำพิพากษาบังคับการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยไปจัดการขอโอนประทานบัตร์ให้โจทก์นั้นไม่เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติเหมืองแร่ ป.พ.พ.ม.118-194-213-237 ในกรณีที่ลูกหนี้ โอนทรัพย์ให้แก่คนที่ 3 ซึ่งเจ้าหนี้ขอเพิกถอนได้นั้นเจ้าหนี้จะขอให้บังคับคนที่ 3 โอนทรัพย์นั้นให้ตนโดยตรงพร้อมกับฟ้องขอเพิกถอนการถอนได้หรือไม่ หมายเหตุ คำพิพากษาห้ามวินิจฉัยถึงปัญหานี้ วินิจฉัยฉะเพาะข้อฎีกาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องเงินรางวัลนำจับที่ไม่มีคำขอในฟ้อง: ศาลไม่สามารถบังคับได้
โจทก์ไม่มีคำขอให้ใช้รางวัลนำจับศาลไม่ตัดสินให้ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ปัญหากฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลบังคับชำระราคาทรัพย์จำนำ แม้ทรัพย์ไม่อยู่ในอำนาจ
ใช้ทรัพย์ที่เอาไปจำนำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5989/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับบำบัดผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูฯ แม้ผู้ต้องหาปฏิเสธ การไม่ดำเนินการถือเป็นความไม่ชอบ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 และมาตรา 21 เป็นมาตรการของรัฐที่ต้องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดโดยการบังคับ มิใช่ให้ผู้ที่ติดยาเสพติดเลือกที่จะเข้ารับการฟื้นฟูหรือไม่ก็ได้ เพราะบทกฎหมายดังกล่าวไม่มีข้อความระบุไว้ที่ใดเลยว่าให้ตรวจพิสูจน์เฉพาะผู้ที่ให้การรับสารภาพเท่านั้น จึงต้องครอบคลุมถึงผู้ที่เต็มใจและไม่เต็มใจเข้ารับการฟื้นฟู เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย การที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกรุงเทพมหานครไม่จัดการตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดจำเลยซึ่งให้การปฏิเสธ จึงเป็นการไม่ชอบ และมีหน้าที่ที่จะต้องนำตัวจำเลยกลับไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ให้ครบถ้วนถูกต้องต่อไป การที่โจทก์นำตัวจำเลยมาฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385-2387/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจ, หน่วงเหนี่ยว, บังคับให้ทำสัญญา, แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน, ความผิดฐานอาญา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันขับรถยนต์ปาดหน้ารถยนต์โจทก์ร่วม แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแล้วคุมตัวโจทก์ร่วมไปเจรจาหนี้สินกันโดยบังคับโจทก์ร่วมให้ใช้หนี้แก่จำเลยที่ 7 แทนจำเลยที่ 3 พฤติการณ์เป็นการร่วมกันวางแผนโดยแบ่งหน้าที่กันทำอันเป็นการกระทำความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมต่อจำเลยทั้งเจ็ดกับพวก โดยกระทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพของผู้อื่น อันเป็นการกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคสอง และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตาม ป.อ. มาตรา 310 วรรคแรก
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ยืนล้อมคุมเชิงโต๊ะเจรจาระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 4 และที่ 7 ไว้ เป็นพฤติการณ์ในเชิงข่มขู่โจทก์ร่วมอยู่ในตัว เพราะก่อนมีการเจรจา โจทก์ร่วมถูกบังคับใส่กุญแจมือมาพบจำเลยที่ 4 และที่ 7 ทั้งจำเลยที่ 4 ยังได้เตรียมแบบพิมพ์สัญญายืมและสัญญาค้ำประกันที่มีการกรอกข้อความว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้ยืมสิ่งของจากจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ร่วมซึ่งตกอยู่ในภาวะดังกล่าวจำยอมต้องลงชื่อในสัญญาดังกล่าว ดังนี้ แม้โจทก์ร่วมจะเป็นหนี้จำเลยที่ 3 อยู่ก็ตาม แต่จำเลยทั้งเจ็ดก็ไม่มีสิทธิใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการบังคับให้โจทก์ร่วมจำยอมต้องชำระหนี้แทนจำเลยที่ 3 จึงเป็นการร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ตนเองได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ทำสัญญายืมสร้อยคอทองคำ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิจากจำเลยทั้งเจ็ด อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 337 วรรคแรก อีกฐานหนึ่งด้วย แต่การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องและมีเจตนาเดียวกัน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
หลังจากจำเลยที่ 1 ขับรถปาดหน้ารถยนต์ของโจทก์ร่วมให้หยุดรถ จำเลยที่ 6 ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้เดินมาที่รถโจทก์ร่วมและบอกโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 ว่า เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ แล้วจับโจทก์ร่วมใส่กุญแจมือควบคุมตัวไปพบจำเลยที่ 4 และที่ 7 ถือได้ว่าจำเลยที่ 6 แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ การกระทำของจำเลยที่ 6 จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 145 วรรคแรกด้วย แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องกันไปโดยมีเจตนาเดียวเพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมชำระหนี้ให้จำเลยที่ 7 แทนจำเลยที่ 3 จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยที่ 6 ตาม ป.อ. มาตรา 337 วรรคแรก ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11228/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางต้องมี 2 นิติกรรม การฟ้องเพิกถอนสัญญาเพื่อบังคับให้โอนกลับเป็นของเดิมทำไม่ได้
นิติกรรมอำพรางตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคสอง เป็นเรื่องคู่กรณีแสดงเจตนาทำนิติกรรมขึ้นสองนิติกรรม นิติกรรมหนึ่งแสดงให้ปรากฏออกมาโดยไม่ประสงค์จะให้มีผลบังคับตามกฎหมาย ส่วนอีกนิติกรรมหนึ่งอำพรางปกปิดไว้โดยคู่กรณีประสงค์จะให้นิติกรรมที่อำพรางปกปิดไว้นั้นใช้บังคับระหว่างกันเองได้ ในเรื่องของนิติกรรมอำพรางจึงต้องมีสองนิติกรรม แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้โจทก์ตกลงทำนิติกรรมยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยเพียงนิติกรรมเดียว การให้ดังกล่าวมิได้เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับจำเลยเพื่อปกปิดนิติกรรมอีกนิติกรรมหนึ่งอย่างใด เพียงแต่โจทก์อ้างว่ามีข้อตกลงเพิ่มเติมในสัญญาไว้ว่าจำเลยต้องไปดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทแล้วโอนให้แก่พี่น้องทุกคนในภายหลังเท่านั้น สัญญาให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตามฟ้องจึงมิใช่นิติกรรมอำพรางที่โจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนได้ และหากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องจริง กรณีก็เป็นเรื่องโจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคหนึ่ง กรณีนี้โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่บุตรทุกคนซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับประโยชน์ตามสัญญา มิใช่มาฟ้องเพิกถอนสัญญาให้แล้วบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทกลับมาเป็นของโจทก์ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์กระทำเช่นนั้นได้ดังนี้ แม้จะฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่ามีข้อตกลงให้จำเลยแบ่งโอนที่ดินพิพาทให้แก่พี่น้องทุกคนจริง กรณีก็ไม่อาจบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่พี่น้องทุกคนได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 กรณีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ในข้อที่ว่ามีข้อตกลงให้จำเลยแบ่งโอนที่ดินพิพาทให้แก่พี่น้องทุกคนหรือไม่ เพราะไม่มีผลทำให้คดีเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
of 8