คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับชำระหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 225 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4858/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังผิดสัญญาซื้อขาย และการเพิกถอนการโอนที่ดินให้ผู้อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้
คดีเดิมศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่1ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่1ถ้าจำเลยที่1ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ให้จำเลยที่1คืนเงินค่ามัดจำและชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่1จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามฟ้องให้แก่โจทก์หากจำเลยที่1ไม่ปฏิบัติตามให้จำเลยที่1คืนเงินมัดจำและค่าเสียหายแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยศาลฎีกาตัดข้อความในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนที่ระบุว่า"หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย"ออกเพราะว่าในขณะที่ศาลฎีกามีคำพิพากษานั้นจำเลยที่1ได้ทำนิติกรรมโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่2ไปแล้วและเพื่อให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เท่านั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่1และจำเลยที่2เป็นคดีนี้แสดงให้เห็นว่าโจทก์ยังประสงค์จะให้บังคับจำเลยที่1โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เพราะหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์ก็อาจขอให้บังคับจำเลยที่1โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ก่อนได้อันเป็นการบังคับให้จำเลยที่1ปฏิบัติไปตามลำดับคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ในคดีเดิมหาใช่ให้จำเลยที่1เลือกปฏิบัติโดยเลือกคืนมัดจำและค่าเสียหายแทนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งประเมินภาษีโดยวิธีโฆษณาและการบังคับชำระหนี้ภาษีอากรจากหุ้นส่วนผู้จัดการ
โจทก์ได้ส่งแบบแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหักณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้าให้แก่จำเลยที่ 1 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว แต่ส่งไม่ได้ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ผู้นำส่งรายงานว่าไม่มีผู้รับ กรณีเช่นนี้นับว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถจะส่งตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ชอบที่จะเลือกส่งตามวิธีการใดวิธีการหนึ่งในสองวิธีตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสาม การที่โจทก์ลงโฆษณาแบบแจ้งการประเมินในหนังสือพิมพ์ท้องที่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับแบบแจ้งการประเมินตามความในวรรคท้ายแห่งบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์การประเมินจึงมีผลให้หนี้ภาษีอากรตามฟ้องเป็นหนี้เด็ดขาดและมีจำนวนแน่นอนเกินกว่าห้าแสนบาทขึ้นไป จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 จะกลับมาปฏิเสธว่าหนี้ดังกล่าวไม่ชอบหรือจำนวนหนี้ไม่ถูกต้องอีกหาได้ไม่
เจ้าพนักงานประเมินได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าภาษีอากรตามที่ประเมินแก่โจทก์ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน โจทก์ได้ส่งแบบแจ้งการประเมินให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยวิธีโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2528 ซึ่งถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีในวันที่ได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ อายุความจึงเริ่มต้นเมื่อครบกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีอากร เมื่อคำนวณถึงวันฟ้องแล้วยังไม่เกิน 10 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คดีห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ภาษีอากรค้างแก่โจทก์ และจำเลยที่ 1 มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินใดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1070, 1077 และมาตรา 1080 จึงไม่อาจต่อสู้ว่าตนมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 หรือมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2636/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวม - สิทธิเจ้าหนี้ - การบังคับชำระหนี้ - ขายทอดตลาดทั้งแปลง
ผู้ร้องและจำเลยกับพวกเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมโดยยังมิได้มีการแบ่งส่วนเช่นนี้ โจทก์ทั้งหกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำยึดและขายทอดตลาดไปได้ทั้งแปลง เพราะกรณีระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364 ก็ต้องขายไปทั้งแปลง โจทก์ทั้งหกขอขายทั้งแปลง ผู้ร้องจึงขอให้กันส่วนของผู้ร้องออกจากการขายทอดตลาดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของบุคคลภายนอกในคดีบังคับชำระหนี้: การร้องสอดและการเป็นผู้แทนเฉพาะคดี
การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากฮ. ที่ผู้ร้องอ้างว่าฮ. เป็นผู้ลงทุนในบริษัทจำเลยแต่เพียงผู้เดียวแต่ให้บุคคลอื่นเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเนื่องจากฮ. ถูกจำกัดสิทธิเพราะเป็นบุคคลต่างด้าวข้ออ้างของผู้ร้องเป็นเรื่องระหว่างฮ.กับจำเลยไม่เกี่ยวกับคดีนี้ฮ. มีสิทธิในบริษัทจำเลยเพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้นไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามมาตรา57(1)ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของฮ. เพื่อจัดการทรัพย์สินของฮ. นั้นการตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามมาตรา56วรรคท้ายเป็นเรื่องที่ผู้ไร้ความสามารถไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้ฮ. ร่วมรับผิดกับจำเลยเป็นส่วนตัวทั้งฮ. ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถหากผู้ร้องเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากฮ.ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะนำไปใช้ในกิจการตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์: ศาลอนุญาตได้หากเจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้
ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่2อ้างในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ว่าผู้ร้องไม่มีทางบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่2ได้จำเลยที่2ไม่โต้เถียงในคำคัดค้านว่าตนมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องอาจบังคับชำระได้ฟังได้ว่าจำเลยที่2ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องอาจยึดมาชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิงผู้ร้องจึงขอเฉลี่ยในทรัพย์ที่ถูกยึดได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคสองห้ามศาลอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์หากยังสามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้นั้นมิได้หมายถึงลูกหนี้อื่นแม้จะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกับจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์: การระบุความสามารถในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นไม่จำเป็นต้องระบุชัดเจน
คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ไม่มีข้อความว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่นๆของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่ผู้ร้องได้อ้างในคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาได้สืบทราบว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยและได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยเสร็จเรียบร้อยแล้วถือได้ว่าเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมส่วนผู้ร้องจะสามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้เฉพาะส่วนของสัญญาซื้อขายและการนำเสนอเอกสารไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อโจทก์ตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์รวมกับที่ดินที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนจาก จ. เป็นเนื้อที่รวม80 ไร่ ในสัญญาฉบับเดียวกันและกำหนดราคารวมเป็นเงิน 530,000 บาท โดยโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนเป็นเงิน 45,000 บาท โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ จ.รับชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินอีกเพียง 68,750 บาทแล้วโอนแต่เฉพาะที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เนื้อที่ 17 ไร่ 2 งานซึ่งเป็นที่ดินเพียงบางส่วนตามสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์ตกลงซื้อจาก จ.นั้น ย่อมมีผลเท่ากับเป็นการบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน โดยจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ จ.มิได้ยินยอม หาอาจจะบังคับได้ไม่ ตามประมวลกฎหมาย-แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320 โจทก์จึงย่อมไม่มีอำนาจฟ้องเลือกบังคับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนได้
สำเนาสัญญาจะซื้อขายมิใช่เป็นเอกสารตามที่กฎหมายต้องการให้ต้องแนบมาพร้อมกับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18ทั้งเมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แม้โจทก์จะส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา 90 ก็ตาม ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 238, 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้เฉพาะส่วนจากมรดก: สัญญาจะซื้อจะขายรวมที่ดินหลายแปลง การชำระหนี้บางส่วนและการโอนเฉพาะส่วนไม่สมบูรณ์
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เนื้อที่17ไร่2งานกับที่ดินไม่มีหลักฐานทางทะเบียนรวมเนื้อที่ทั้งหมด80ไร่เป็นฉบับเดียวกันจาก จ. ภรรยาจำเลยในราคา530,000บาทโดยชำระราคาบางส่วนเป็นเงิน45,000บาทการที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ จ.รับชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินอีกเพียง68,750บาทแล้วโอนแต่เฉพาะที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งเป็นที่ดินเพียงบางส่วนตามสัญญาเท่ากับบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนเมื่อจำเลยมิได้ยินยอมจึงหาอาจจะบังคับได้ไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา320

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1342/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษปรับนิติบุคคลและการบังคับชำระหนี้ตามกฎหมายอาญา
โทษปรับนิติบุคคลจะกักขังแทนเงินค่าปรับไม่ได้คงจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา29ได้แต่ประการเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งค่าเช่าฉาง: ศาลบังคับได้หากคำบรรยายในฟ้องแย้งมีความหมายชัดเจนถึงการขอให้บังคับชำระหนี้
เมื่อจำเลยมีคำขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้วต่อจากนั้นจำเลยได้บรรยายคำให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยได้ทวงถามค่าเช่าฉางจากโจทก์แต่โจทก์เพิกเฉยจำเลยมีสิทธิจะได้รับค่าเช่าฉางและดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปีจากโจทก์รวมเป็นเงิน107,774.32บาทและดอกเบี้ยอัตราเดียวกันจากต้นเงิน61,585.33บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลยมีความหมายเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระค่าเช่าฉางแก่จำเลยถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีคำขอบังคับ
of 23