พบผลลัพธ์ทั้งหมด 394 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8449/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ: ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและอายุของผู้กระทำ
โจทก์ร่วมขับรถยนต์โดยประมาททับเท้าซ้ายของจำเลยโดยมิได้มีเจตนาใช้กำลังทำร้ายรังแกหรือแกล้งทำความเดือดร้อนให้จำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอันจะอ้างเหตุบันดาลโทสะได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5258/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการกระทำชู้และการยั่วยุทางจิตใจ: การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพกพาอาวุธปืน
ผู้เสียหายพาภริยาจำเลยไปดื่มสุรากันสองต่อสองที่บ้านของผู้เสียหายในเวลาประมาณ 21 ถึง 23 นาฬิกา ระหว่างดื่มสุรามีการโอบกอดกัน การกระทำของผู้เสียหายจึงเป็นการล่วงเกินภริยาจำเลยในทำนองชู้สาวและผู้เสียหายทราบมาก่อนเกิดเหตุแล้วว่า อ.เป็นภริยาของจำเลย อีกทั้งจำเลยเองก็ทราบการกระทำของผู้เสียหายกับภริยาตนว่ารักใคร่ชอบพอกันมาก่อนเกิดเหตุแล้ว จึงได้ติดตามคอยดูพฤติการณ์ของบุคคลทั้งสองอยู่เสมอ คืนเกิดเหตุจำเลยพบเห็นผู้เสียหายกับภริยาตนอยู่กันตามลำพังมีการดื่มสุราโอบกอดกันด้วยเช่นนี้ การที่จำเลยถามผู้เสียหายว่าเป็นชู้กับภริยาตนหรือไม่และทำไมต้องมาพบกันอีก ก็เนื่องมาจากเกิดอารมณ์หึงหวงในฐานะที่เป็นสามีชอบที่จะถามเอาความจริงจากผู้เสียหายได้ แต่ผู้เสียหายกลับหาว่าภริยาจำเลยมาหาผู้เสียหายเอง เป็นเหตุให้จำเลยตบตีภริยาและผู้เสียหายได้ยั่วยุอารมณ์จำเลยด้วยการด่าว่าเป็นสัตว์หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิงย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยผู้เป็นสามีจะอดกลั้นโทสะไว้ได้กรณีหาใช่เป็นการโต้เถียงกันไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวมานับได้ว่าผู้เสียหายได้กระทำการอันเป็นการกระทำที่ถูกข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นและได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ.มาตรา 72
การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองติดตัวไปสืบหาภริยาที่ไปกับผู้เสียหายในทางชู้สาวโดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เสียหายและภริยาอยู่ ณ ที่ใด และผู้เสียหายจะล่วงเกินภริยาในทางชู้สาวจริงหรือไม่ พฤติการณ์เช่นนี้จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะตามฟ้อง
การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองติดตัวไปสืบหาภริยาที่ไปกับผู้เสียหายในทางชู้สาวโดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เสียหายและภริยาอยู่ ณ ที่ใด และผู้เสียหายจะล่วงเกินภริยาในทางชู้สาวจริงหรือไม่ พฤติการณ์เช่นนี้จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5258/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังจากการถูกยั่วยุ
ผู้เสียหายพาภริยาจำเลยไปดื่มสุรากันสองต่อสองที่บ้านของผู้เสียหายในเวลาประมาณ 21 ถึง 23 นาฬิการะหว่างดื่มสุรามีการโอบกอดกัน การกระทำของผู้เสียหายจึงเป็นการล่วงเกินภริยาจำเลยในทำนองชู้สาวและผู้เสียหายทราบมาก่อนเกิดเหตุแล้วว่าอ. เป็นภริยาของจำเลย อีกทั้งจำเลยเองก็ทราบการกระทำของผู้เสียหายกับภริยาตนว่ารักใคร่ชอบพอกันมาก่อนเกิดเหตุแล้ว จึงไม่ติดตามคอยดูพฤติการณ์ของบุคคลทั้งสองอยู่เสมอ คืนเกิดเหตุจำเลยพบเห็นผู้เสียหายกับภริยาตนอยู่กันตามลำพังมีการดื่มสุราโอบกอดกันด้วยเช่นนี้ การที่จำเลยถามผู้เสียหายว่าเป็นชู้ กับภริยาตนหรือไม่และทำไมต้องมาพบกันอีก ก็เนื่องมาจากเกิดอารมณ์หึงหวงในฐานะที่เป็นสามีชอบที่จะถามเอาความจริงจากผู้เสียหายได้ แต่ผู้เสียหายกลับหาว่าภริยาจำเลยมาหาผู้เสียหายเอง เป็นเหตุให้จำเลยตบตีภริยาและผู้เสียหายได้ยั่วยุอารมณ์จำเลยด้วยการด่าว่าเป็นสัตว์หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิงย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยผู้เป็นสามีจะอดกลั้นโทสะไว้ได้ กรณีหาใช่เป็นการโต้เถียงกันไม่พฤติการณ์ดังกล่าวมานับได้ว่าผู้เสียหายได้กระทำการอันเป็นการกระทำที่ถูกข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยบันดาล โทสะขึ้นในขณะนั้นและได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองติดตัวไปสืบหาภริยาที่ไปกับผู้เสียหายในทางชู้สาวโดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เสียหายและภริยาอยู่ ณ ที่ใด และผู้เสียหายจะล่วงเกินภริยาในทางชู้สาวจริงหรือไม่พฤติการณ์เช่นนี้จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4805/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะจากความกดขี่ข่มเหงทางจิตใจ
จำเลยเห็นผู้ตายซึ่งเป็นสามีนำ ส.ภริยาน้อยและบุตรมาอยู่ในบ้านเรือนเดียวกัน จำเลยย่อมมีความหึงหวงและเป็นการหยามเกียรติ เมื่อจำเลยห้ามปรามผู้ตายก็ไม่ยอม กลับดื้อรั้นจะให้อยู่ร่วมด้วย ปราศจากความยำเกรง ทั้งยังจะเข้าทำร้าย การกระทำของผู้ตายเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของจำเลยผู้เป็นภริยาเป็นอย่างยิ่ง ย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยผู้เป็นภริยาจะอดกลั้นโทสะไว้ได้ จึงได้ใช้มีดแทงผู้ตายในทันทีทันใดที่ผู้ตายจะเข้าทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกกดขี่ข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: การโต้เถียงนำไปสู่การทำร้ายร่างกายและเสียชีวิต
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถสวนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กัน ผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน ถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่ง จำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้า เมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้ จึงฟันผู้ตาย 3 แผล ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ตาม ป.อ. มาตรา 288ประกอบมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาเหตุป้องกันตัวเองและข่มเหงอย่างร้ายแรง
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถส่วนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กัน ผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน ถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่ง จำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้า เมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้ จึงฟันผู้ตาย 3 แผล ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดานโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและไม่กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหง และการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถสวนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กันผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อนถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่งจำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้าเมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้จึงฟันผู้ตาย3แผลถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเขงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบมาตรา72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาเหตุป้องกันตนหรือไม่
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถส่วนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กันผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อนถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่งจำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้าเมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้จึงฟันผู้ตาย3แผลถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดานโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและไม่กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบมาตรา72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุอันสมควร และการทำร้ายผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยที่ 1 นายเกื้อกับพวกไม่พอใจที่จำเลยที่ 2 กับสามีไปต่อว่านายเกื้อที่ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยแล้วจำเลยที่ 1 พาพวกไปทำร้ายจำเลยที่ 2 เหตุที่จำเลยที่ 2 กับสามีด่าว่านายเกื้อไม่ใช่เป็นเหตุที่ไม่เป็นธรรมอันเกิดแก่จำเลยที่ 1 และเมื่อโจทก์ร่วมมารดาของจำเลยที่ 2 ร้องห้ามปรามจำเลยที่ 1 กลับใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมจนสลบ ทั้งที่โจทก์ร่วมมิได้เกี่ยวข้องด้วยเลยการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่เป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยไม่ใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะ แม้ถูกต่อว่าก่อนหน้า และการทำร้ายผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยที่1นายเกื้อกับพวกไม่พอใจที่จำเลยที่2กับสามีไปต่อว่านายเกื้อที่ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยแล้วจำเลยที่1พาพวกไปทำร้ายจำเลยที่2เหตุที่จำเลยที่2กับสามีด่าว่านายเกื้อไม่ใช่เป็นเหตุที่ไม่เป็นธรรมอันเกิดแก่จำเลยที่1และเมื่อโจทก์ร่วมมารดาของจำเลยที่2ร้องห้ามปรามจำเลยที่1กลับใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมจนสลบทั้งที่โจทก์ร่วมมิได้เกี่ยวข้องด้วยเลยการกระทำของจำเลยที่1จึงไม่ใช่เป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา72