พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อผลจากการกระทำโดยตรง: การทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส
บุคคลผู้กระทำผิดย่อมต้องรับผิดต่อผลโดยตรง อันบังเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของตน
จำเลยใช้พายตีเขาถึงสลบ ขากรรไกรข้างซ้ายหัก ฟันโยกคลอนทั้งแถบประมาณ 7 ซี่ รักษาแพทย์แผนโบราณใส่น้ำมันอยู่ 3-4 วันแผลเป็นหนองในปาก เจ็บปวดได้รับทุกข์เวทนาแก่กล้าและไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติอยู่เดือนครึ่งจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง แพทย์ที่โรงพยาบาลกลางว่าถ้ามาใหม่ ๆ ก็จะหายเร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าจะหายภายในกี่วัน ดังนี้การเจ็บปวดร้ายแรงของผู้ถูกบาดเจ็บเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256
จำเลยใช้พายตีเขาถึงสลบ ขากรรไกรข้างซ้ายหัก ฟันโยกคลอนทั้งแถบประมาณ 7 ซี่ รักษาแพทย์แผนโบราณใส่น้ำมันอยู่ 3-4 วันแผลเป็นหนองในปาก เจ็บปวดได้รับทุกข์เวทนาแก่กล้าและไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติอยู่เดือนครึ่งจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง แพทย์ที่โรงพยาบาลกลางว่าถ้ามาใหม่ ๆ ก็จะหายเร็วกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าจะหายภายในกี่วัน ดังนี้การเจ็บปวดร้ายแรงของผู้ถูกบาดเจ็บเกิดขึ้นตามธรรมดาจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา, บาดเจ็บสาหัส, และการเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้เคยได้รับรอการลงโทษ
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการพิจารณาบาดเจ็บสาหัส: ศาลต้องฟังตามคำรับสารภาพและพิจารณาความบอบช้ำภายในประกอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 259 โดยกล่าวว่า จำเลยขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวัง ฯลฯ ชนผู้เสียหายเจ็บสาหัสเพราะต้องทนทุกข์เวทนากลาและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพไม่ต่อสู้ประการใด ดังนี้ศาลต้องฟังตามคำรับของจำเลยว่า ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามฟ้อง จะยกเอาแต่ฐานแผลภายนอกจามใบชันสุตรซึ่งไม่เกี่ยวถึงความบอบซ้ำภายในมาวินิจฉัยว่า บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและบาดเจ็บสาหัส: ศาลต้องฟังตามคำรับสารภาพ แม้แผลภายนอกเล็กน้อย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 259 โดยกล่าวว่า จำเลยขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวังฯลฯ ชนผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส เพราะต้องทนทุกข์เวทนากล้าและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพไม่ต่อสู้ประการใดดังนี้ศาลต้องฟังตามคำรับของจำเลยว่า ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามฟ้องจะยกเอาแต่ฐานแผลภายนอกตามใบชันสูตรซึ่งไม่เกี่ยวถึงความบอบช้ำภายในมาวินิจฉัยว่า บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องสอดคล้องกับฟ้อง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่พยานไม่สนับสนุน ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายกลุ่มรุมกันทำร้าย ชกต่อย ถีบ เตะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บ แล้วในตอนหลังผู้เสียหายถูกคนอื่นซึ่งเป็นพรรคพวกขอบจำเลยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกับคนอื่นที่ทำร้ายเหล่านั้นด้วย ดังนั้นจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมิได้ จำเลยคงมีความผิดเพียง ฐานทำร้ายร่างกายไม่บาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่พยานไม่สนับสนุน จึงลงโทษฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายกลุ้มรุมกันทำร้ายชกต่อย ถีบ เตะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บแล้วในตอนหลังผู้เสียหายถูกคนอื่นซึ่งเป็นพรรคพวกของจำเลยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกับคนอื่นที่ทำร้ายเหล่านั้นด้วย ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมิได้ จำเลยคงมีผิดเพียง ฐานทำร้ายร่างกายไม่บาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลเสียโฉมติดตัว ถือเป็นบาดเจ็บสาหัสตามกฎหมาย
ถูกขว้างด้วยตะบองที่โหนกแก้มแผลเป็นกว้างครึ่งเซ็นติเมตร ยาว 4 เซ็นติเมตร ศาลชั้นต้นบันทึกบาดแผลไว้ว่า ให้ผู้ถูกทำร้ายอยู่ห่าง 2 วาก็เห็นแผลเป็นได้ชัด ศาลพิเคราะห์แล้วเป็นบาดแผลเสียโฉม ดังนี้เมื่อตามสำนวนไม่ปรากฏเป็นอย่างอื่น ก็ต้องถือว่าบาดแผลเสียโฉมติดตัวอันเป็นบาดแผลสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยบาดเจ็บสาหัสและการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกกระทำร้ายถึงบาดเจ็บสาหัสโดยถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้า เกินกว่า 20 วันหรือ ถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกินกว่า 20 วัน เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง (อ้างฎีกา 575/2488)
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยบาดเจ็บสาหัสเป็นข้อเท็จจริง ห้ามฎีกาหากศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อย
การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกกระทำร้ายถึงบาดเจ็บสาหัส โดยถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า 20 วันหรือถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกินกว่า20 วัน เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง(อ้างฎีกา 575/2488)
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในคดีทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และการเป็นตัวการ
ศาลชั้นต้นพิพากษษลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.256 จำคุกคนละ 2 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 254 จำคุก 1 ปี 6 เดือน และ 1 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขมา โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
สองคนต่างลงมือทำร้ายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ทราบว่าบาดแผลที่สาหัสนั้นเป็นเพราะคนใดทำร้ายแน่ ก็ถือได้ว่า เป็นเพราะผลแห่งการกระทำทั้งสองคนนั้น คนทั้งสองนั้นจึงต่างเป็นตัวการตาม ก.ม.อาญา ม.63 - 256
สองคนต่างลงมือทำร้ายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ทราบว่าบาดแผลที่สาหัสนั้นเป็นเพราะคนใดทำร้ายแน่ ก็ถือได้ว่า เป็นเพราะผลแห่งการกระทำทั้งสองคนนั้น คนทั้งสองนั้นจึงต่างเป็นตัวการตาม ก.ม.อาญา ม.63 - 256