คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปลอมแปลงเอกสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 263 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนความผิด กรณีโครงการซ่อมทำนบดิน ศาลยกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับการจ้างกรรมการควบคุมและดำเนินการจ้างซ่อมทำนบดินตามโครงการสร้างงานในชนบทจำเลยได้ประชุมราษฎรในหมู่บ้านตกลงลดค่าจ้างขุดดินซ่อมทำนบดังกล่าวให้น้อยลงกว่าที่มีการอนุมัติเพื่อให้ได้จำนวนดินมากขึ้นให้ทำนบมีความแข็งแรงเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อมาราษฎรได้รับจ้างขุดดินตามที่ได้มีการตกลงกัน จำเลยได้ร่วมกันทำเอกสารหนังสือขอเบิกเงิน งบใบสำคัญ หนังสือรายงานผลการดำเนินการจ้างแรงงาน ใบตรวจรับการจ้างแรงงาน ระบุรายละเอียดค่าแรงงาน จำนวนดินค่าคุมงานต่าง ๆ ให้ตรงกับที่ได้รับอนุมัติและเป็นหลักฐานว่าได้ดำเนินการแล้วเพื่อขอเบิกเงินจากทางราชการมาจ่ายให้แก่ราษฎรผู้รับจ้าง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่ายอดเงินที่ระบุในเอกสารทั้งสี่ฉบับตรงกับยอดเงินที่จำเลยได้จ่ายให้แก่ราษฎรไปแล้ว จำนวนดินที่ไม่ตรงกันนั้นก็ขุดได้มากกว่าที่ระบุไว้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดทุจริตได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แม้จำนวนดินและจำนวนเงินที่ระบุในเอกสารจะไม่ตรงกับความจริงไปบ้าง ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำเอกสารและรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นตามฟ้องจำเลยอื่นซึ่งโจทก์ฟ้องว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดจึงไม่ได้กระทำผิดเช่นกันเพราะเมื่อไม่มีการกระทำผิดจึงไม่อาจเกิดการกระทำที่เป็นการสนับสนุนให้กระทำผิดได้เหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอื่นเนื่องจากต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยอื่นว่าไม่มีความผิดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในเอกสารจำนอง และปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับสัญญาจำนองที่ดินและหนังสือเรื่องราวจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม แม้จะยังไม่ได้กรอกข้อความลงในเอกสารนั้น การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการหลอกลวงให้ผู้เสียหายทำเอกสารสิทธิแล้ว เพราะจำเลยอาจนำไปกรอกข้อความให้ครบถ้วนบริบูรณ์ว่าผู้เสียหายเจตนาทำสัญญาจำนองที่ดินได้จำเลยจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341และเมื่อจำเลยนำเอกสารดังกล่าวไปกรอกข้อความให้ผิดจากความประสงค์ของผู้เสียหายโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้เสียหายและผู้เสียหายไม่ยินยอมแล้วจำเลยนำไปยื่นต่อธนาคารและสำนักงานที่ดินเพื่อเป็นการจำนองที่ดินของผู้เสียหายค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยเป็นหนี้ธนาคารอยู่การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 และ 268 ด้วยแต่การกระทำของจำเลยมีเจตนาเดียวเพื่อให้ได้เงินจากธนาคารจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในเอกสารจำนอง และการปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน
จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับสัญญาจำนองที่ดินและหนังสือเรื่องราวจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม แม้จะยังไม่ได้กรอกข้อความลงในเอกสารนั้น การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการหลอกลวงให้ผู้เสียหายทำเอกสารสิทธิแล้ว เพราะจำเลยอาจนำไปกรอกข้อความให้ครบถ้วนบริบูรณ์ว่าผู้เสียหายเจตนาทำสัญญาจำนองที่ดินได้จำเลยจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และเมื่อจำเลยนำเอกสารดังกล่าวไปกรอกข้อความให้ผิดจากความประสงค์ของผู้เสียหายโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้เสียหายและผู้เสียหายไม่ยินยอม แล้วจำเลยนำไปยื่นต่อธนาคารและสำนักงานที่ดินเพื่อเป็นการจำนองที่ดินของผู้เสียหายค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยเป็นหนี้ธนาคารอยู่การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และ 268 ด้วย แต่การกระทำของจำเลยมีเจตนาเดียวเพื่อให้ได้เงินจากธนาคาร จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามมาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 265 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมโมฆะ ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องปลอมแปลงเอกสาร
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะแล้วนั้น มีผลเท่ากับสัญญาไม่มีผลมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะร่วมกันเติมข้อความลงในช่องว่างที่เว้นไว้ในสัญญาผิดไปจากข้อตกลงและเบิกความยืนยันข้อความนั้นต่อศาลก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ประการใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยฐานปลอมเอกสารและเบิกความเท็จ
การที่จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลว่า เจ้ามรดกกู้เงินผู้อื่นและจำเลยเป็นผู้ชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแทนเจ้ามรดกนั้น หาใช่เป็นข้อสาระสำคัญในการฟ้องขอแบ่งมรดกแต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมเป็นโมฆะ ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องฐานปลอมแปลงเอกสารและเบิกความเท็จ
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะแล้วนั้น มีผลเท่ากับสัญญาไม่มีผลมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะร่วมกันเติมข้อความลงในช่องว่างที่เว้นไว้ในสัญญาผิดไปจากข้อตกลงและเบิกความยืนยันข้อความนั้นต่อศาลก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ประการใดโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยฐานปลอมเอกสารและเบิกความเท็จ
การที่จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลว่า เจ้ามรดกกู้เงินผู้อื่นและจำเลยเป็นผู้ชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแทนเจ้ามรดกนั้นหาใช่เป็นข้อสาระสำคัญในการฟ้องขอแบ่งมรดกแต่ประการใดไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การพิจารณาความต่างกรรมต่างวาระของการยักยอกทรัพย์และการปลอมแปลงเอกสาร
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐานยักยอกเงินของโจทก์มาครั้งหนึ่งแต่ถอนฟ้องไป แล้วโจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิใช้เอกสารสิทธิปลอมและยักยอกเงินของโจทก์ ซึ่งเป็นการยักยอกเงินคนละคราวและคนละรายกับที่ฟ้องในคดีก่อน แม้จะเป็นการกระทำในขณะปฏิบัติหน้าที่ประธานสวัสดิการอันเป็นมูลกรณีเดียวกับคดีก่อนแต่เป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกับที่จำเลยถูกฟ้องในคดีก่อนโจทก์จึงฟ้องได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอมเพื่อการเข้าเมืองผิดกฎหมาย
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์ และปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยประทับรอยตราและบันทึกข้อความอนุญาตให้จำเลยเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร ลงในหนังสือเดินทาง ที่จำเลยทำปลอมขึ้น เพื่อให้มีรายการครบถ้วนจะได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรได้ อันเป็นการกระทำครั้งเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 แต่จำเลยได้นำหนังสือเดินทางและเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ด้วย จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3835/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมเพื่อการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์และปลอมเอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยประทับรอยตราและบันทึกข้อความ อนุญาตให้จำเลยเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร ลงในหนังสือเดินทาง ที่จำเลยทำปลอมขึ้น เพื่อให้มีรายการครบถ้วนจะได้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรได้ อันเป็นการกระทำครั้งเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษ ฐานปลอมเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็น บทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 แต่จำเลยได้นำ หนังสือเดินทางและเอกสารราชการของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ จำเลยปลอมขึ้นดังกล่าวไปใช้ด้วย จึงต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการ ของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียว vs. หลายกรรม: ปลอมแปลงเอกสารในคราวเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยรวม3กระทงๆละ2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำผิดเพียงกรรมเดียวจำคุก2ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 การที่เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนให้สายลับไปจับหนังสือเดินทางปลอมมาให้ในคราวเดียวกันและหนังสือเดินทางทั้งสามฉบับกระทำขึ้นในคราวเดียวกันนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาฐานฉ้อโกง ย่อมระงับสิทธิฟ้องคดีฐานฉ้อโกงได้ แต่ไม่กระทบความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
ผู้เสียหายมีหนังสือถึงจำเลยมีใจความว่า ผู้เสียหายได้รับเงิน จำนวน 10,000 บาทจากจำเลยเป็นค่าชดใช้เงินที่ได้ฉ้อโกงไปจากผู้เสียหาย ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแล้วผู้เสียหายไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ดังกล่าวอีกต่อไป ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ตกลงยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ลงโทษจำเลย ในความผิดฐานนี้ไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย
ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และมาตรา 268 นั้น ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ตนปลอมนี้ด้วยกรณีเช่นนี้มาตรา 268 วรรค 2 บัญญัติให้ลงโทษตาม มาตรา 268 แต่กระทงเดียว
of 27