คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนในกรณีถูกทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่จับกุมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจเข้าไปในบ้านของ ฉ. ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลยเพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุมยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลยจำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตนเมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุจำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจ. เข้าไปในบ้านของ ฉ.ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา. โดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น. ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น. ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลย.เพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุม. ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป. แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย. จำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตน. เมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุ. จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานและการป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัท ฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า"คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานเพื่อป้องกันตน ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นซึ่งหน้า
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า "คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่กางานของจำเลย เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมศาลประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการพูดดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยสำคัญผิด: ศาลพิจารณาภยันตรายที่ปรากฏต่อผู้กระทำผิด แม้ข้อเท็จจริงจริงจะต่าง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288.แม้จำเลยจะรับสารภาพ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง. จึงจะพิพากษาลงโทษได้.
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง. แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ.
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน. จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน. ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท. เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด. จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย. จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย. โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน. พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง. ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว. และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว. ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้. จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน. เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด. ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ผู้ตายยิงก่อน แต่จำเลยเป็นผู้เริ่มก่อเหตุ
ในเวลากลางคืน จำเลยกับพวกถือปืนขึ้นไปหาผู้ตายบนเรือนของ ส. เพื่อจะทำร้ายผู้ตายเพราะความโกรธเคืองผู้ตายไปเบิกความเป็นพยานในคดีจำเลยปล้นทรัพย์ จนศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและจำเลยอาฆาตไว้ และขึ้นไปยืนคุมในลักษณะจะทำร้ายผู้ตายถือว่าจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนผู้ตายใช้ปืนยิงต่อสู้ป้องกันตน เพราะจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนคนละกระบอกขู่ผู้ตาย แม้กระสุนปืนของผู้ตายจะลั่นออกไปก่อนจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันหาได้ไม่
แม้ผู้ตายถูกกระสุนปืนของพวกจำเลยยิง มิใช่กระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความผิดไปได้เพราะจำเลยกับพวกร่วมขึ้นไปจะทำร้ายผู้ตายเป็นการร่วมกันกระทำผิดจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ: ผู้ถูกทำร้ายมีอาวุธและแสดงเจตนาทำร้าย ผู้ถูกทำร้ายเข้าใกล้ ผู้ถูกทำร้ายมีลักษณะเหนือกว่า
ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลง พอจำเลยลุกขึ้น ผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วา ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตน: การกระทำของผู้ตายแสดงเจตนาทำร้าย จำเลยมีสิทธิป้องกันตนได้
ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้น ผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วาผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนภายใต้สถานการณ์ภัยอันตรายยังไม่หมดไป แม้แย่งอาวุธได้แล้ว ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟัง
ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย จำเลยถามว่ามองทำไม ผู้ตายชกหน้าจำเลย 1 ที จำเลยทรุดนั่ง ผู้ตายชักมีดเงื้อแทงจำเลยอีก จำเลยแย่งมีดได้ก็เอามีดนั้นแทงผู้ตาย 1 ที ดังนี้ แม้จำเลยจะแย่งมีดได้ ก็หาได้หมายความว่าอันตรายหมดไปไม่ ถือว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ ซึ่งศาลฎีกาต้องถือตาม โจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายก่อน และสิทธิในการต่อสู้เพื่อป้องกันชีวิต
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อน จำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำ จึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
of 10