คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผิดหลายบท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท อาหารผิดมาตรฐาน - ไม่บริสุทธิ์ ศาลฎีกาแก้ไขโทษปรับ/จำคุก
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็หยิบยกขึ้นในชั้นฎีกาได้ แม้ความผิดฐานผลิตเพื่อจำหน่ายซึ่งอาหารผิดมาตรฐานตามฟ้องข้อ ก. อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา25(3),60 และความผิดฐานผลิตเพื่อจำหน่ายซึ่งอาหารไม่บริสุทธิ์ตามฟ้องข้อ ข. อันเป็นความผิดตามมาตรา 25(1),58 จะเป็นความผิดที่มีองค์ประกอบความผิดและบทลงโทษแตกต่างกันก็ตาม เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเพื่อจำหน่ายซึ่งอาหารผิดมาตรฐานและอาหารไม่บริสุทธิ์ตามฟ้องทั้งสองข้อดังกล่าวในวันเดียวกันและอาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่ายก็เป็นอาหารกระป๋องซึ่งภายในบรรจุปลาเกล็ดขาวทอดกรอบอย่างเดียวกัน อีกทั้งไม่ปรากฏตามคำฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องทั้งสองข้อดังกล่าวด้วยเจตนาต่างกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามมาตรา 91 ไม่ ปัญหาว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันรวมทั้งปัญหาว่าศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยสูงเกินสมควรนั้นรวมทั้งปัญหาว่าศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยสูงเกินสมควรนั้นล้วนเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3827/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเดียวกัน กระทำต่อเนื่อง: กรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยวางแผนการที่จะฆ่าผู้ตายและผู้เสียหายเพื่อจะเอาทรัพย์มาตั้งแต่เวลาประมาณ 11 นาฬิกา เมื่อมีโอกาสจึงฆ่าผู้ตายก่อน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทรัพย์จากผู้ตายหรือไม่ แล้วจำเลยจึงฆ่าผู้เสียหายและเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายไม่ตาย ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้ตายและผู้เสียหายด้วยเจตนาอันเดียวกันและเป็นการกระทำต่อเนื่องกันถือได้ว่าเป็นการกระทำในคราวเดียวกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่หลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2561/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ยาสูบหลีกเลี่ยงภาษีและไม่มีแสตมป์ ศาลลงโทษกระทงเดียวได้
เมื่อจำเลยรับเอายาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรแล้วย่อมเป็นเวลาเดียวกันกับที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ ดังนี้ จำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้โจทก์แยกบรรยายการกระทำความผิดของจำเลยในฟ้องเป็นคนละข้อเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ความผิดต่อเนื่องกับการครอบครองไม้หวงห้าม
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่า และโค่นตัดฟันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยระบุเวลาในการกระทำผิดว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 4เมษายน 2532 ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2532 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน แต่มิได้ระบุว่ากระทำผิดฐานใด ในวันเวลาใดให้ชัดแจ้ง จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในคราวเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ส่วนความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดแยกต่างหากจากความผิดฐานยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่าและโค่นตัดฟันทำไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทในคดีฆ่าและชิงทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทลงโทษให้ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้คนตายตามมาตรา 339 วรรคท้าย ประกอบกับมาตรา 340 ตรี แล้วให้ลงโทษตามมาตรา 288 นั้นไม่ถูกต้อง เพราะความผิดตามมาตรา 339 วรรคท้ายประกอบกับมาตรา 340 ตรี มีอัตราโทษสูงกว่าความผิดตามมาตรา 288ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ต้องลงโทษบทหนัก ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขวางบทลงโทษให้ถูกต้องโดยไม่ลงโทษสูงกว่าเดิมได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปโดยผิดกฎหมายลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 1 ปี และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ปรับ 100 บาท นั้นก็ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากความผิดทั้งสองฐานเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงแก่จำเลยทั้งสอง คือ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ศาลฎีกาสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเสียด้วย และเหตุดังกล่าวข้างต้นอยู่ในส่วนลักษณะคดีให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งถอนฎีกาไปแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5960/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ การกระทำต่อเนื่องถือเป็นกรรมเดียว แต่ผิดหลายบท
จำเลยทั้งสองกับพวกจัดตั้งบริษัทขึ้นและหลอกลวงประชาชนโดยกระทำต่อเนื่องกันด้วยจุดประสงค์เดียวกัน แม้ผู้เสียหายแต่ละคนมอบเงินให้จำเลยทั้งสองกับพวกคนละคราวกัน ก็ย่อมเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตาม ป.อ. มาตรา 343 กระทงหนึ่ง และเมื่อพ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับแล้ว จำเลยทั้งสองยังคงกระทำผิดต่อไปอีก การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามมาตรา 4, 5, 12 แห่ง พ.ร.ก.ดังกล่าว อีกกระทงหนึ่ง
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 2 ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามป.วิ.อ.มาตรา 218 การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยมิได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำผิดกฎหมาย อีกทั้งการโฆษณาของจำเลยมิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนแต่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5362/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: พาไปอนาจาร-ข่มขืน ศาลฎีกายกเหตุต่อเนื่อง-เจตนาเดียวกัน ลดโทษเหลือบทหนักสุด
จำเลยใช้อาวุธปืนบังคับและใช้กำลังฉุดคร่าโจทก์ร่วมไปกับจำเลยแล้วใช้กำลังบังคับจะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมในเวลาต่อมา ซึ่งการกระทำตอนแรกเป็นความผิดฐานพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 วรรคหนึ่ง ส่วนการกระทำตอนหลังเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 แต่การกระทำทั้งสองตอนต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่ ในวาระเดียวกัน และตามพฤติการณ์เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะกระทำชำเราโจทก์ร่วมเท่านั้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5362/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ความผิดพาไปอนาจารและพยายามข่มขืน ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษเฉพาะบทหนัก
จำเลยใช้อาวุธปืนบังคับและใช้กำลังฉุดคร่าโจทก์ร่วมไปกับจำเลยแล้วใช้กำลังบังคับจะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมในเวลาต่อมาซึ่งการกระทำตอนแรกเป็นความผิดฐานพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 วรรคหนึ่ง ส่วนการกระทำตอนหลังเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278แต่การกระทำทั้งสองตอนต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่ ในวาระเดียวกัน และตามพฤติการณ์เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะกระทำชำเราโจทก์ร่วมเท่านั้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การปลอมเอกสารเพื่อฉ้อโกงเป็นเจตนาต่อเนื่อง
แม้โจทก์แยกฟ้องเป็น 3 ข้อ แต่ระบุวันเวลากระทำผิด คือระหว่างวันที่ 11 กรกฎาคม 2530 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2531เวลากลางวันจำเลยได้ทำเอกสารและเอกสารราชการปลอมและให้วันที่ 16 มกราคม 2531 เวลากลางวันจำเลยจึงนำเอกสารที่ทำปลอมดังกล่าวไปใช้แสดงเพื่อพยายามฉ้อโกง ดังนี้ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทำเอกสารและเอกสารราชการปลอมก็เพื่อจะนำไปใช้ฉ้อโกง อันเป็นการกระทำต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวเพื่อให้ ก.หลงเชื่อว่าจำเลยคือ ค. เจ้าของเช็คเดินทาง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท ป.อ.มาตรา 286 และ พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี การลงโทษและขอบเขตการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิด ตาม ป.อ.มาตรา 286 ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 7 ปี และตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 9 ให้ปรับ 1,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 7 ปี และปรับ 1,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 286ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก จำคุก 7 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 4 ปี 8 เดือนจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 การที่จำเลยเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีและดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณีของจำเลยเองนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันไม่.
of 15