พบผลลัพธ์ทั้งหมด 152 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดหลังผู้จัดการเสียชีวิต และอำนาจของผู้ชำระบัญชีในการดำเนินคดีแทน
จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ จำเลยที่ 1 ถึง แก่กรรมห้างฯ จำเลยที่ 1 ต้อง เลิกกันและจัดให้มีการชำระบัญชี ว.หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดห้างฯ จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจแต่ง ทนายสู้ คดีแทนห้างฯ จำเลยที่ 1 กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตั้งแต่ ว. แต่งตั้ง ทนายสู้ คดีแทนจำเลยที่ 1 ต้อง เพิกถอนเสีย เพราะเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชี การที่จะอ้างเหตุฉุกเฉิน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 802 ต้อง เป็นตัวแทนกันมาก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการแต่งตั้งตามตำแหน่งราชการ ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 (จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีเนื่องจากตำแหน่งไม่ใช่การเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6(จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสมาคมและการตั้งผู้ชำระบัญชี: คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชีตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293 เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม และให้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมแล้ว จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีได้บ้าง ต้องอาศัยมาตรา 1294 ซึ่งให้นำมาตรา 1251 มาใช้โดยอนุโลม โดยมาตรา 1251 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี เลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้าง ฯหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือสมาคมลงมติให้เลิก แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา 1293 ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา 1251 วรรคแรกกำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้าง ฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นแต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรก จึงจะนำวรรคสองของมาตรา 1251 มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสมาคมและการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 1293 และ 1251 วรรคแรก ให้คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293 เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม และให้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมแล้ว จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีได้บ้าง ต้องอาศัยมาตรา 1294ซึ่งให้นำมาตรา 1251 มาใช้โดยอนุโลม โดยมาตรา 1251 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี เลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้าง ฯหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือสมาคมลงมติให้เลิก แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา 1293 ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา 1251 วรรคแรกกำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้าง ฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นแต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรก จึงจะนำวรรคสองของมาตรา1251 มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล: จากหุ้นส่วนผู้จัดการสู่ผู้ชำระบัญชีเมื่อเลิกกิจการ
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลมีสภาพเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น การกระทำใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้นผู้ที่มีอำนาจฟ้องคดีแทนก็คือหุ้นส่วนผู้จัดการของห้าง ฯ แต่เมื่อห้าง ฯ ได้เลิกกันตามคำพิพากษาและมีการตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 โจทก์ในฐานะหุ้นส่วนของห้าง ฯ ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหลังเลิกห้างฯ: ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจฟ้องแทน
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลมีสภาพเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น การกระทำใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้นผู้ที่มีอำนาจฟ้องคดีแทนก็คือหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ แต่เมื่อห้างฯได้เลิกกันตามคำพิพากษาและมีการตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1259 โจทก์ในฐานะหุ้นส่วนของห้างฯ ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้หลังเลิกกิจการ: ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ชำระหนี้ค่าจ้างให้ลูกจ้าง แม้กิจการจะเลิกแล้ว
แม้ร้านสหกรณ์โรงงานกระดาษบางปะอิน จำกัด จำเลยที่ 1 จะได้เลิกกิจการไปแล้วก็ตาม แต่ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 89 ให้ถือว่ายังคงดำรงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีของผู้ชำระบัญชีสภาพการเป็นนิติบุคคลของจำเลยที่1 ยังไม่สิ้นสุดลง การเป็นนายจ้างลูกจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงไม่สิ้นสุดลงโดยการเลิกกิจการของจำเลยที่ 1 และเมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์โดยยังมิได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ชำระบัญชีจึงมีหน้าที่จัดการชำระหนี้แก่โจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ให้เสร็จสิ้นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 90 และ 94 การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ชำระบัญชีชำระหนี้ดังกล่าวจึงหาเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 52 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สหกรณ์เลิกกิจการ ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลเพื่อชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ชำระหนี้สินแก่ลูกจ้าง
สหกรณ์แม้จะได้เลิกกิจการไปแล้ว ก็ยังถือว่าคงดำรง อยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ดังนั้นสภาพการเป็นนิติบุคคลของสหกรณ์ยังไม่สิ้นสุดลง นิติสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างของสหกรณ์กับสหกรณ์นายจ้างจึงหาได้สิ้นสุดลงไม่ การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ผู้ชำระบัญชี มีหน้าที่สะสาง ติดตามทรัพย์สินของสหกรณ์ที่มีอยู่มาจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย หาใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าไม่มีกฎหมายบังคับให้นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง จะถือว่านายจ้างผิดนัดตั้งแต่วันเลิกจ้างไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าลูกจ้างทวงถามเมื่อใดแล้วลูกจ้างก็ชอบที่จะได้รับดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างหลังเลิกกิจการ: ผู้ชำระบัญชียังมีหน้าที่ชำระหนี้สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย
แม้ร้านสหกรณ์โรงงานกระดาษบางปะอิน จำกัด จำเลยที่ 1 จะได้เลิกกิจการไปแล้วก็ตาม แต่ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511มาตรา 89 ให้ถือว่ายังคงดำรงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีของผู้ชำระบัญชีสภาพการเป็นนิติบุคคลของจำเลยที่1 ยังไม่สิ้นสุดลง การเป็นนายจ้างลูกจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงไม่สิ้นสุดลงโดยการเลิกกิจการของจำเลยที่ 1 และเมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์โดยยังมิได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์ จำเลยที่ 3ในฐานะผู้ชำระบัญชีจึงมีหน้าที่จัดการชำระหนี้แก่โจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ให้เสร็จสิ้นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา90 และ 94 การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ชำระบัญชีชำระหนี้ดังกล่าวจึงหาเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 52 ไม่.