คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ซื้อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 310 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดิน: ครอบครองปรปักษ์, การซื้อขายที่ดิน, และความสุจริตของผู้ซื้อ
การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยยังไม่มีหลักฐานให้ความยินยอมจากภริยาเป็นเพียงข้อบกพร่องเกี่ยวกับความสามารถซึ่งศาลจะพึงสั่งให้โจทก์ดำเนินการแก้ไขเสียก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 56 ได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้โจทก์แก้ไข ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาได้มี พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533 ใช้บังคับซึ่งมาตรา 1476 ประกอบด้วยมาตรา 1477 ที่แก้ไขเพิ่มเติมได้บัญญัติให้มีผลว่า สำหรับการจัดการทรัพย์สินดังเช่นกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ สามีหรือภริยามีอำนาจจัดการหรือฟ้องคดีได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นเท่ากับมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับความสามารถของโจทก์แล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีได้เองโดยหาจำต้องได้รับความยินยอมของภริยาเสียก่อนไม่
การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับ พ. แม้จะยอมให้มีการผ่อนชำระราคาที่ดินกันก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏมีข้อสัญญาว่าหากชำระราคาครบถ้วนแล้วจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทกันภายหลัง จึงเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดมิใช่เป็นสัญญาจะซื้อขาย เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 หลังจากจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. แล้วได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาโดยการสร้างรั้วมีลักษณะเป็นการถาวรล้อมรอบที่พิพาทและปลูกสร้างโรงเก็บของและโรงเก็บรถ ซึ่ง พ. ก็รู้เห็นตลอดมา แต่มิได้แสดงเจตนาหวงแหนที่ดินพิพาทหรือห้ามปรามจำเลยแต่อย่างใด กลับยอมให้จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบตลอดมาติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
ก่อนที่โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทโจทก์เห็นอยู่ก่อนแล้วว่า ที่ดินพิพาทมีการล้อมรั้วและมีบ้านหลังเล็ก ๆ ปลูกอยู่ ซึ่ง พ. บอกโจทก์ว่าเป็นบ้านของจำเลยลูกพี่ลูกน้องโจทก์ ถ้าโจทก์ต้องการก็จะให้รื้อไป แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้สอบถามจำเลยให้แน่ชัดเสียก่อนที่จะซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. ว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะอะไร อาศัย พ. อยู่ในที่ดินพิพาทหรือไม่ ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ขอโฉนดที่ดินพิพาทจาก พ. มาดูเพื่อตรวจสอบว่าที่ดินพิพาทมีเนื้อที่มากน้อยเพียงใด การที่โจทก์ตัดสินใจซื้อที่ดินพิพาทซึ่งมีราคาถึง 770,000 บาทโดยอาศัยการมองจากหน้าต่างบ้าน พ. เพียงอย่างเดียวมิได้เข้าไปดูที่ดินพิพาทด้วยตนเองผิดวิสัยวิญญูชนโดยทั่วไปที่จะพึงกระทำจึงเป็นพิรุธอย่างยิ่ง ถือได้ว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมยกการครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ จำเลยจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยสุจริตคัดค้านการรังวัด และอำนาจฟ้องของผู้ที่จะซื้อที่ดิน
ร่องน้ำระหว่างที่ดินของจำเลยและโจทก์ที่ 1 เป็นร่องสวนเดิมที่ขุดขึ้นเพื่อนำน้ำจากคลองสาธารณะเข้ามาใช้ทำสวน ซึ่งมิใช่ลำรางหรือลำกระโดงสาธารณะ แต่สภาพที่ดินพิพาทเป็นร่องสวนที่มีมานานหลายสิบปีน่าจะเป็นร่องน้ำสาธารณ-ประโยชน์ได้ การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียง และจากการที่จำเลยได้ตรวจสอบหลักเขตที่ดินเขตติดต่อกันแต่หลักเขตต่างกัน ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินยังแจ้งว่าหลักทั้งสองห่างกัน 3.16 เมตร ย่อมทำให้จำเลยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเข้าใจว่าระหว่างที่ดินทั้งสองแปลงมีช่องว่างอยู่ และได้คัดค้านการรังวัดแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ดังนี้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตน มิได้มีเจตนาจะกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของโจทก์อันเนื่องมาจากการคัดค้านดังกล่าว
แม้โจทก์ที่ 2 จะเป็นเพียงผู้จะซื้อที่ดินจากโจทก์ที่ 1 ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ทำการรังวัด แต่โจทก์ที่ 2 ฟ้องให้จำเลยทั้งสี่รับผิดในฐานที่จำเลยทั้งสี่ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะทำให้โจทก์ที่ 2 ได้รับความเสียหาย มิได้ฟ้องคดีโดยอาศัยการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน แม้โจทก์ที่ 2 มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ก่อละเมิดให้ตนต้องได้รับความเสียหายได้ หาจำเป็นจะต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยทั้งสี่มาก่อนไม่ โจทก์ที่ 2 จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์มีคำขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยถอนคำคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินของโจทก์ที่ 1 หากจำเลยไม่จัดการ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 มิได้ดำเนินคดีต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาที่เจ้าพนักงานที่ดินกำหนด เจ้าพนักงานที่ดินจึงยกเลิกการรังวัดที่ดินไป กรณีจึงมิใช่เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานที่ดินจะต้องมีการดำเนินการต่อไปภายหลังมีคำพิพากษาของศาล ดังนี้คำคัดค้านนั้นย่อมสิ้นสุดไปด้วย ศาลฎีกาจึงไม่อาจจะมีคำพิพากษาตามที่โจทก์ที่ 1 ขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายโดยสุจริตของผู้ซื้อ แม้ผู้ขายแสดงเจตนาลวง ก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย
เดิมทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยต่อมาจำเลยได้โอนขายให้แก่ส. น้องสาวจำเลยหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทจากจำเลยเป็นของส. แล้วส.ได้แสดงความเป็นเจ้าของโดยจำนองทรัพย์พิพาทต่อธนาคารและเพิ่มเงินจำนองอีกหลายครั้งในที่สุดส. ถูกธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องให้ชำระหนี้เงินกู้และบังคับจำนองทรัพย์พิพาทและธนาคารเจ้าหนี้ขอให้บังคับคดียึดทรัพย์พิพาทมีการขายทอดตลาดถึง10ครั้งแต่ขายไม่ได้ส. จึงขายทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา3,950,000บาทได้มีการถอนการยึดและชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเจ้าหนี้ตลอดระยะเวลาดังกล่าวจำเลยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าด้านการแสดงออกหรือคัดค้านแต่อย่างใดพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์พิพาทโดยสุจริตแม้จำเลยกับส. แสดงเจตนาลวงด้วยการสมรู้กันว่ามิได้มีเจตนาซื้อขายทรัพย์พิพาทกันก็ตามแต่เมื่อโจทก์รับซื้อมาโดยสุจริตก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา118วรรคแรก(เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: เริ่มนับจากวันที่ตัวแทนผู้ซื้อตรวจพบความชำรุด ไม่ใช่วันที่ผู้ซื้อทราบ
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขาย เมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้า เมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่อง ตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกัน ต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้น การที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 แล้ว หาใช่ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่ เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: ตัวแทนตรวจรับสินค้าถือว่าผู้ซื้อทราบความชำรุดแล้ว
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขายเมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้าเมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่องตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกันต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้นการที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่18เมษายน2531จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่18เมษายน2531แล้วหาใช้ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้วฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดและการครอบครองปรปักษ์ สิทธิของผู้ซื้อย่อมมีอยู่แม้จำเลยจะครอบครองก่อน
โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลปรากฏว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวและอ้างว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริตหรือเป็นไปโดยไม่ชอบอย่างไร และมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตหรือไม่ กรณีต้องด้วยบทบัญญัติของ ป.พ.พ.มาตรา 1330 สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดจึงยังคงมีอยู่ แม้จำเลยจะนำสืบว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยมาเป็นเวลากว่า40 ปีแล้ว ก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีได้
โจทก์ฟ้องว่าได้ให้ ว. และจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านจำเลยคงให้การเพียงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี มิได้อาศัยสิทธิผู้ใด โจทก์ไม่ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จึงขาดสิทธิครอบครองคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ แต่จำเลยฎีกาในเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 เป็นการนอกเหนือจากที่จำเลยให้การไว้ และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด & สิทธิครอบครอง: ศาลยืนตามสิทธิผู้ซื้อ แม้จำเลยอ้างเป็นเจ้าของ
โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลปรากฎว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวและอ้างว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยแต่จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริตหรือเป็นไปโดยไม่ชอบอย่างไรและมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตหรือไม่กรณีต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดจึงยังคงมีอยู่แม้จำเลยจะนำสืบว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยมาเป็นเวลากว่า40ปีแล้วก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีได้ โจทก์ฟ้องว่าได้ให้ว. และจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านจำเลยคงให้การเพียงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินเป็นเวลาเกินกว่า10ปีมิได้อาศัยสิทธิผู้ใดโจทก์ไม่ฟ้องคดีภายใน1ปีนับแต่โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินจึงขาดสิทธิครอบครองคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่จำเลยฎีกาในเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381เป็นการนอกเหนือจากที่จำเลยให้การไว้และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5740/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อไม่ชำระเงินตามกำหนด ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขายให้ผู้อื่นได้
เดิมโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ไปรับโอนที่ดินพิพาทในวันนัด แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ถือเอาเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสาระสำคัญจำเลยผู้จะขายซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจึงมีสิทธิบอกกล่าวให้โจทก์ไปรับโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาที่ค้างโดยกำหนดเวลาตามสมควรได้เมื่อต่อมาโจทก์ไม่มีเงินมาชำระหนี้ตามกำหนดนัด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยผู้จะขายปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้ เพราะการชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างไรลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 208 วรรคแรกทั้งไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท และเมื่อตามคำฟ้องคำให้การมีประเด็นว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าที่ดินที่ค้างได้ขอขยายระยะเวลาการชำระเงินอีกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2532 โจทก์ก็ผิดนัดอีก ดังนี้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4960/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบเสร็จรับเงินสำหรับเกษตรกร: ไม่ต้องระบุชื่อผู้ซื้อ
โจทก์ออกใบเสร็จรับเงินแก่ผู้ซื้อซึ่งเป็นเกษตรกร มิใช่ออกให้แก่ผู้ซื้อซึ่งทำการค้าสินค้าประเภทเดียวกับสินค้าที่ขายนั้น จึงไม่จำต้องแสดงชื่อหรือยี่ห้อและที่อยู่ของผู้ซื้อไว้ในใบเสร็จรับเงินที่ต้องออกทุกคราวที่ได้รับชำระเงินหรือชำระราคาตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: ผู้ขายไม่ต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญา หากคาดว่าจะโอนได้ในภายหลัง หากโอนไม่ได้ ผู้ซื้อไม่ถือว่าผิดนัด
สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยตกลงว่าจะชำระเงินตามที่ตกลงกันส่วนโจทก์ตกลงจะขายที่ดินตามสัญญาแต่โจทก์ก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญาหากคาดหมายว่าจะสามารถโอนให้แก่จำเลยได้เมื่อถึงกำหนดเวลาตามสัญญาแต่เมื่อโจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยตามกำหนดได้ไม่ว่ากรณีใดจำเลยก็ไม่เป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา209-211
of 31