พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6922/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินตามเช็ค: แม้ไม่ได้บรรยายรายละเอียดการได้มาซึ่งเช็ค ก็ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คผู้ถือให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขายลดแก่ธนาคาร ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คธนาคารผู้ซื้อเช็ค เรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คไม่ได้ จึงได้หักจากบัญชีของโจทก์ ตามจำนวนเงินในเช็คแล้วมอบเช็คคืนแก่โจทก์ โจทก์จึงกลับเป็นผู้ทรงเช็คตามกฎหมาย และได้ทวงถามจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คแล้วจำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วว่า จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย อันเป็นข้ออ้างให้จำเลยร้บผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 914 ประกอบด้วยมาตรา 989 กับมีคำขอบังคับครบถ้วนสมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไร เมื่อใด และไม่ได้บรรยายถึงวันที่โจทก์เข้ายึดถือเช็คและใช้เงินตามเช็คนั้น ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์ที่สมบูรณ์แล้วกลับเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การโอนเช็ค, ผู้ทรงเช็คโดยชอบ, ความเสียหายจากการปฏิเสธการจ่ายเงิน, อำนาจฟ้องคดีเช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้ ย. เพื่อชำระหนี้ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ย. ย่อมโอนให้แก่ผู้เสียหายด้วยการส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 ผู้เสียหายจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปเรียกเก็บเงินแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท ผู้เสียหายเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยจึงมีฐานะเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) แม้ต่อมาภายหลังผู้เสียหายจะได้รับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวจาก ย. ก็ไม่ทำให้ฐานะการเป็นผู้เสียหายของผู้เสียหายในคดีอาญาหมดไป ทั้งการชำระหนี้ของ ย. แก่ผู้เสียหายก็เป็นการชำระหนี้ตามกฎหมายที่ ย. จะต้องรับผิดต่อผู้เสียหาย มิใช่เป็นการชำระหนี้แทนจำเลย จึงไม่ทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 แต่อย่างใด โจทก์ยังคงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและการเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทหลังการปฏิเสธการจ่ายเงิน
แม้ขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ส. เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือเช็คผู้ถือ แต่เช็คพิพาทก็เป็นเช็คที่จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 และย่อมโอนให้แก่กันได้โดยส่งมอบตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบด้วยมาตรา 989 เมื่อโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาจาก ส. โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 และได้รับโอนสิทธิในเช็คพิพาทจาก ส. โดยโจทก์ไม่จำต้องนำเช็คไปขึ้นเงินอีกครั้งหนึ่ง ก็มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินตามเช็คได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คระบุชื่อ: การสลักหลังไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุซื่อ ช.เป็นผู้รับเงินและขีดฆ่าคำว่า"หรือผู้ถือ" ออก แม้ ช.จะลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คแต่ไม่ได้ความว่าลงชื่อไว้ในฐานะอะไร การที่โจทก์มีเช็คไว้ในครอบครอง แต่โจทก์ไม่สามารถแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คต้องได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายจากการสลักหลัง หรือเป็นผู้รับเงินโดยตรง
เช็คระบุชื่อ ช.เป็นผู้รับเงินแม้ช. จะได้ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คแต่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับเช็คจากลูกจ้างของโจทก์ทั้งโจทก์ฎีกาว่าโจทก์รับเช็คดังกล่าวในฐานะผู้รับเงินมิใช่ในฐานะผู้รับสลักหลัง เพราะยาที่ขายเป็นของโจทก์ไม่ใช่ของ ช. ดังนี้โจทก์ไม่สามารถแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสายจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค โจทก์ไม่ใช่เจ้าหนี้จำเลย จึงไม่อาจฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คระบุชื่อ การสลักหลังไม่ขาดสาย และการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อ ช. เป็นผู้รับเงินและขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก แม้ ช. จะลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คแต่ไม่ได้ความว่าลงชื่อไว้ในฐานะอะไร การที่โจทก์มีเช็คไว้ในครอบครอง แต่โจทก์ไม่สามารถแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4686/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้สิทธิผู้ทรงเช็ค: การยกข้อต่อสู้อันอาศัยความสัมพันธ์กับผู้ทรงคนก่อน และความไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900, 914, 989ประกอบ 224 วรรคแรก
การที่จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมาฟ้องจำเลย เพราะเช็คพิพาทจำเลยได้สั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันในการกู้ยืมเงิน มีคำสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างถึงไม่มีหนี้ต่อกัน โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบคำให้การของจำเลยเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916ประกอบ 989 แต่คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อ ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไร และที่จำเลยให้การว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ จำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทไม่ชอบอย่างไร คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี คดีจึงไม่ต้องสืบพยานของคู่ความ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้
การที่จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมาฟ้องจำเลย เพราะเช็คพิพาทจำเลยได้สั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันในการกู้ยืมเงิน มีคำสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างถึงไม่มีหนี้ต่อกัน โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบคำให้การของจำเลยเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916ประกอบ 989 แต่คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อ ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไร และที่จำเลยให้การว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ จำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทไม่ชอบอย่างไร คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี คดีจึงไม่ต้องสืบพยานของคู่ความ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันที่ออก ผู้ทรงมีสิทธิจดวันใช้เงินได้จริง ฟ้องไม่ขาดอายุความ
เช็คพิพาททั้งสามฉบับมิได้ลงวันที่ออกไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิที่จะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทได้ เมื่อเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ 5 มกราคม 2530วันที่ 20 มกราคม 2530 และวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2530 ตามลำดับโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2530 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4573/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทโดยสุจริตและมีมูลหนี้ ผู้รับโอนมีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ได้
เดิมบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัด ได้นำเช็คหมาย จ.8 แลกเอาเงินไปจากโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน บริษัทดังกล่าวจึงมอบเช็คพิพาทซึ่งห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้โจทก์ โจทก์จึงนำเช็คพิพาทไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง แต่เช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องจำเลยทั้งสอง กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตและมีมูลหนี้ต่อกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัด โดยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้นำเช็คเอกสารหมาย ล.7 ไปชำระแก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัดหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คพิพาทแล้ว ย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นความรับผิดต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ดังนั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายลดเช็คพิพาทได้ชำระเงินตามสัญญาขายลดเช็คพิพาทแก่ธนาคาร-กรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้ว ได้รับเช็คพิพาทกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โดยรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ในการฟ้องให้จำเลยทั้งสองให้รับผิดตามเช็คพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4455/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย หากไม่สามารถพิสูจน์ข้ออ้างการเป็นตัวแทนได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็ค เมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงเบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยให้การว่าเป็นตัวแทนของโจทก์นำเงินของโจทก์ไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับ ช. จึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็ค หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ตามที่ให้การต่อสู้ไว้ จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีอาญามีผลชี้ขาดเพียงไม่มีมูลในเจตนากระทำผิดทางอาญาเท่านั้น ทั้งคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ผลแห่งคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้