คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานเอกสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5751/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารขอผัดชำระหนี้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนสืบพยาน ศาลมีอำนาจรับฟังได้หากเป็นพยานหลักฐานสำคัญ
แม้โจทก์มิได้นำส่งสำเนาหนังสือขอผัดชำระหนี้เอกสารหมายจ.6 ถึง จ.9 ให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน เมื่อศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลมีอำนาจรับเอกสารนั้นไว้พิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 90 หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
แม้การที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่จำเลยก่อนสืบพยาน 3 วัน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็ตาม แต่กฎหมายก็ไม่ได้บังคับโดยเด็ดขาดตายตัว หากเอกสารที่อ้างนั้นเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
โจทก์ได้ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัญชีกระแสรายวันบางส่วนให้แก่จำเลยโดยทางไปรษณีย์ก่อนวันสืบพยานถึง 10 วัน แต่เป็นเพราะการส่งล่าช้า จำเลยจึงได้รับก่อนวันสืบพยานเพียง 1 วัน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจะเอาเปรียบจำเลย ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ดังกล่าว ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเอกสารอันสำคัญนั้น แม้จะฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 90 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
แม้การที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่จำเลยก่อนสืบพยาน 3 วัน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็ตาม แต่กฎหมายก็ไม่ได้บังคับโดยเด็ดขาดตายตัว หากเอกสารที่อ้างนั้นเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) โจทก์ได้ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัญชีกระแสรายวันบางส่วนให้แก่จำเลยโดยทางไปรษณีย์ก่อนวันสืบพยานถึง 10 วันแต่เป็นเพราะการส่งล่าช้า จำเลยจึงได้รับก่อนวันสืบพยานเพียง1 วัน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจะเอาเปรียบจำเลย ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ดังกล่าว ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเอกสารอันสำคัญนั้น แม้จะฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 มิได้ห้ามนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร การที่ศาลให้นำสืบพยานบุคคลและรับฟังพยานบุคคลนั้น จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 มิได้ห้ามนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร การที่ศาลให้นำสืบพยานบุคคลและรับฟังพยานบุคคลนั้น จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงานในการสืบพยานเอกสารและการไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิคู่ความ
การที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับเอกสารตามบัญชีเพิ่มเติมของจำเลยเป็นพยานหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนสืบพยานเสร็จแล้วเป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา45 วรรคแรก เอกสาร ดังกล่าว ถือ ว่า เป็น พยานศาล จึง ย่อม รับฟังได้ เมื่อศาลแรงงานกลางยอมให้นำสืบเอกสารดังกล่าวและจำเลยแถลงหมดพยานแล้ว โจทก์มิได้แถลงขอสืบพยานเพื่อหักล้างเอกสารนั้นทั้งศาลแรงงานกลางคงได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกพยานมาสืบอีกตามความในตอนท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 วรรคสาม จึงมิได้ใช้อำนาจดังกล่าว เช่นนี้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความ และการตีความการส่งสำเนาเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบันทึกต่ออายุสัญญานั้น ตามเอกสารท้ายฟ้องไว้กับโจทก์ เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีข้อความใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาหรือบันทึกต่ออายุสัญญาดังกล่าว จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาและบันทึกต่ออายุสัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องอาศัยพยานเอกสารทั้ง 2 ฉบับที่โจทก์มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมายมาประกอบการพิจารณาอีก
ศาลย่อมมีดุลพินิจที่จะรับฟังเอกสารที่คู่ความส่งเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้โดยอาศัยหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างส่งโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยนั้น จำเลยไม่ได้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงทั้งยังเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีด้วยแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 บัญญัติให้คู่ความส่งสำเนาเอกสารให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ในกรณีที่มีการระบุพยานเพิ่มเติมหมายความถึงให้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันที่ทำการนำสืบถึงพยานเอกสารนั้นจริง ๆ ไม่น้อยกว่า 3 วัน มิได้หมายความถึงก่อนวันทำการสืบพยานครั้งแรกของคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความ และการส่งเอกสารเพิ่มเติมก่อนวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบันทึกต่ออายุสัญญานั้นตามเอกสารท้ายฟ้องไว้กับโจทก์เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีข้อความใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาหรือบันทึกต่ออายุสัญญาดังกล่าว จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาและบันทึกต่ออายุสัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องอาศัยพยานเอกสารทั้ง 2 ฉบับที่โจทก์มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมายมาประกอบการพิจารณาอีก
ศาลย่อมมีดุลพินิจที่จะรับฟังเอกสารที่คู่ความส่งเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้โดยอาศัยหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างส่งโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยนั้น จำเลยไม่ได้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริง ทั้งยังเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีด้วยแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 บัญญัติให้คู่ความส่งสำเนาเอกสารให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ในกรณีที่มีการระบุพยานเพิ่มเติมหมายความถึงให้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันที่ทำการนำสืบถึงพยานเอกสารนั้นจริง ๆไม่น้อยกว่า 3 วัน มิได้หมายความถึงก่อนวันทำการสืบพยานครั้งแรกของคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 219 ว.พ.พ. เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยพยานเอกสารที่จำเลยโต้แย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้อาศัยพยานเอกสารที่จำเลยโต้แย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา56เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
of 13