พบผลลัพธ์ทั้งหมด 165 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยว ศาลชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าผ้าอนามัยไปจากโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระราคาเป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาซื้อขายส่วนฟ้องแย้งของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาตั้งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทยโดยจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการโฆษณาสินค้าและส่งเสริมการขายและโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาตัวแทนดังนี้ฟ้องแย้งเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องแย้ง: ศาลมีอำนาจพิจารณาฟ้องแย้งได้หากเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม แม้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย
แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลยว่า คำขอฟ้องแย้งไม่สามารถที่จะบังคับได้โดยไม่ได้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมหรือไม่ก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์การพิจารณาปัญหาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกบทกฎหมายดังกล่าวขึ้นปรับแก่คดีได้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย การที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ศาลอุทธรณ์ชอบที่ยกขึ้นวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่โจทก์ถูกแย่งการครอบครอง และจำเลยมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครอง หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้ว ส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งของจำเลยได้หรือไม่ย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปในชั้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้เช่นนี้ ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่โจทก์ถูกแย่งการครอบครอง และจำเลยมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครอง หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้ว ส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งของจำเลยได้หรือไม่ย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปในชั้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้เช่นนี้ ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยไว้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำขอฟ้องแย้งไม่สามารถบังคับได้จึงไม่รับฟ้องแย้งดังนี้หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ก็ชอบที่จะวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยและมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครองเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้วส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งได้หรือไม่จึงชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปในชั้นชี้ขาดตัดสินคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องค่าไถ่ถอนจำนองไม่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นความสมบูรณ์ของพินัยกรรม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินโดยอ้างว่านายแก้วผู้ตายทำพินัยกรรมให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์และผู้ตายไม่มีสิทธิทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์เพราะที่ดินตามพินัยกรรมเป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลยจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยดังนี้ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าพินัยกรรมสมบูรณ์หรือไม่เพียงใดส่วนฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินค่าไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแก่จำเลยจะถือเป็นฟ้องแย้งเมื่อศาลฟังว่าพินัยกรรมสมบูรณ์และโจทก์ได้รับมรดกที่ดินพิพาทไปตามพินัยกรรมจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขและเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: คดีเช่าซื้อ vs. ละเมิด
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทแต่ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นการฟ้องให้โจทก์รับผิดต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทำละเมิดต่อจำเลยที่ 2 โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์นำรถยนต์พิพาทที่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อจากโจทก์ ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 2 ไปขายทอดตลาดโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยินยอมทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.177
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทที่จำเลยที่1เป็นผู้เช่าซื้อและจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่2ฟ้องแย้งให้โจทก์รับผิดเพราะโจทก์ทำละเมิดโดยนำรถยนต์พิพาทซึ่งเป็นของจำเลยที่2ไปขายทอดตลาดเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6567/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินคืนและการเพิกถอนสัญญาที่ไม่เกี่ยวข้องกัน สิทธิเรียกร้องที่เกิดภายหลังฟ้องเดิม
ตามคำฟ้องเพิ่มเติมที่โจทก์ยื่นคำร้องมาเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกเงินที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2525 พร้อมดอกเบี้ยคืนส่วนตามคำฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้เพิกถอนสัญญายินยอมผ่อนชำระเงินทดแทนพิเศษให้แก่รัฐตามหนังสือฉบับลงวันที่ 29 ธันวาคม 2529 และเรียกเงินที่ได้ชำระไปตามสัญญาดังกล่าวคืน มูลคดีตามคำฟ้องเดิมกับคำฟ้องเพิ่มเติมไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และคำฟ้องเพิ่มเติมอีกข้อเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว แม้หากจะฟังว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย สิทธิของโจทก์ก็เกิดภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่า คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ชอบฟ้องเป็นคดีต่างหาก
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันเครื่องที่จำเลยซื้อไปและค้างชำระบางส่วน แต่ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ว่า โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะออกน้ำมันเครื่องชนิดใหม่ให้จำเลยเป็นผู้เปิดตลาดและทำการโฆษณาขายให้แก่ลูกค้าของจำเลย แต่โจทก์ไม่ผลิตสินค้าดังกล่าวทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหากตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งนอกเหนือประเด็นฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งเพราะเป็นคนละเรื่องกัน
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันเครื่องที่จำเลยซื้อไปและค้างชำระบางส่วน แต่ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ว่า โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะออกน้ำมันเครื่องชนิดใหม่ให้จำเลยเป็นผู้เปิดตลาดและทำการโฆษณาขายให้แก่ลูกค้าของจำเลย แต่โจทก์ไม่ผลิตสินค้าดังกล่าวทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม และเกี่ยวข้องกับคู่ความ มิฉะนั้นศาลไม่รับ
โจทก์ฟ้องว่าซื้อบ้านพร้อมที่ดินพิพาทของ ป. จำเลยเช่าบ้านพิพาทจากภริยาป. ครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่อีกต่อไปขอให้บังคับจำเลยออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ป.ให้คำมั่นว่าจะขายบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนระหว่างโจทก์กับ ป. และให้ ป. จดทะเบียนโอนขายให้จำเลยนั้นฟ้องแย้งดังกล่าวเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นและไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ทั้งเป็นการขอให้บังคับบุคคลอื่นที่ไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วย จึงไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลย