คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยานพาหนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
จำเลยซุกซ่อนฝิ่นไว้ในยางครอบเบรกของรถจักรยานยนต์ของกลางจึงถือได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
จำเลยซุกซ่อนฝิ่นไว้ในยางครอบเบรกของรถจักรยานยนต์ของกลางจึงถือได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522มาตรา102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด
จำเลยซุกซ่อนฝิ่นไว้ในยางครอบเบรกของรถจักรยานยนต์ของกลางจึงถือได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งต้องริบตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522มาตรา102

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ: การล่อลวงผู้เสียหายเพื่อปล้นทรัพย์ด้วยรถจักรยานยนต์
การที่จำเลยร่วมกับพวกใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะขับมาแสร้งทำเป็นติดต่อว่าจ้างผู้เสียหายทั้งสองให้นำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปบรรทุกทราย และล่อให้ผู้เสียหายทั้งสองขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อตามไปยังสวนยางพาราที่เกิดเหตุแล้วทำการปล้นทรัพย์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ตาม ป.อ.มาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ โดยจำเลยติดต่อผู้เสียหายเพื่อล่อลวงไปปล้นทรัพย์ พยานหลักฐานรับฟังได้ชัดเจน
จำเลยเป็นผู้มาติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองไปบรรทุกทรายถึง2ครั้งแม้จะนานวันกันแต่ก็ติดต่อกันและอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันผู้เสียหายทั้งสองย่อมจดจำหน้าตาจำเลยได้เพราะมีการพูดคุยกันด้วยทั้ง2ครั้งเมื่อการเจรจาครั้งแรกไม่ตกลงจำเลยยังหวนกลับมาติดต่ออีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้นเช่นนี้โอกาสที่ผู้เสียหายทั้งสองจะจดจำรูปพรรณของจำเลยย่อมมีมากขึ้นประกอบกับผู้เสียหายทั้งสองไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเบิกความแตกต่างกันไปบ้างนั้นก็ไม่ใช่ส่วนสาระสำคัญของคดีหากเป็นเพียงข้อปลีกย่อยเท่านั้นไม่ถึงกับทำให้รูปคดีโจทก์มีพิรุธและการที่เจ้าพนักงานตำรวจไปยึดเอารูปถ่ายของจำเลยมาให้ผู้เสียหายทั้งสองดูก่อนมีการจับจำเลยนั้นก็ไม่เป็นเหตุให้รูปคดีโจทก์มีน้ำหนักลดน้อยลงไปแต่อย่างใดเพราะผู้เสียหายทั้งสองจำได้และยืนยันตลอดมาว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมปล้นทรัพย์ด้วยทั้งฎีกาจำเลยก็รับว่าเป็นคนติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองบรรทุกทรายไปลงบริเวณที่เกิดเหตุแต่อ้างว่าได้ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนจะเกิดเหตุประมาณ1ชั่วโมงซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อนำสืบอ้างฐานที่อยู่ของจำเลยพยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะแสร้งทำเป็นติดต่อว่าจ้างผู้เสียหายทั้งสองและล่อให้ผู้เสียหายทั้งสองขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อตามไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ยานพาหนะในการชิงทรัพย์ แม้เกิดภายหลังการกระทำ ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนี จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้รถเป็นยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิด ม.340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่มมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำแต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุมส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้านส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิดตาม ม.340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำแต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุมส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้านส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4930/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ได้จากการสอบสวนมีน้ำหนักพอฟังได้หากมีพยานหลักฐานประกอบ และการใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์
คำรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังว่าจำเลยรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความจริง แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำความผิดแต่การที่จำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนทั้งนำชี้ที่เกิดเหตุโดยสมัครใจไม่มีข้อต่อสู้ใดๆทั้งสิ้นเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจสามารถติดตามยึดรถยนต์ของกลางได้จากสถานที่ตามที่ทราบจากจำเลยว่าได้นำรถยนต์ของกลางไปขายนั้นมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกลักรถยนต์ของกลาง จำเลยกับพวกขับรถยนต์มาที่ที่เกิดเหตุเพื่อลักรถยนต์ของผู้เสียหายหลังจากนั้นจำเลยกับพวกได้นำรถยนต์ที่ขับมาหลบหนีไปด้วยจึงเป็นการใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา336ทวิ
of 21