คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยิง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4120/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์หลังการยิงของผู้กระทำผิด แสดงเจตนาพยายามฆ่า แม้จะถูกห้าม
ข. พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้นจำเลยก็ถือปืนเข้ามาจ้องจะยิงผู้เสียหายซ้ำพ. ผลักผู้เสียหายให้ล้มลงแล้วเข้ายืนบังไว้ส. ก็ร้องขอจำเลยว่าอย่าทำอีกเลยเพราะคนเจ็บแล้วจำเลยจึงลดปืนลงแล้ววิ่งไปทางเดียวกับ ข.ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยเปิดประตูร้านออกไปเผชิญหน้ากับผู้ตายซึ่งมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
ย. ผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจำเลยในตอนบ่ายของวันเกิดเหตุ. ครั้นตอนกลางคืน ย. กับพวกมาเรียกจำเลยที่หน้าร้านจำเลยซึ่งปิดแล้วให้ออกไปปรับความเข้าใจกัน.จำเลยย่อมทราบดีว่า ย. มาเพื่อก่อเรื่องชวนวิวาท. การที่จำเลยเปิดประตูและนำเอาอาวุธปืนออกไปพบกับ ย. กับพวกแล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมมายิง ย.กับว. ถึงแก่ความตายเช่นนี้. แสดงว่าจำเลยกับพวกผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กัน. แม้จำเลยจะถูกพวกของผู้ตายยิงและทำร้ายได้รับบาดเจ็บ. จำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงาน แม้ถูกยิงขณะพัก แต่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่
ลูกจ้างถูกยิงถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ยามในเวลากลางคืนณ สถานที่กองเก็บทรัพย์สินของนายจ้างพฤติการณ์ส่อไปในทางถูกยิงเพราะปฏิบัติหน้าที่นั่นเองเมื่อไม่ได้ความว่าการที่ถูกยิงมาจากเหตุส่วนตัวหรือเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานจึงถือได้ว่าลูกจ้างประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การโต้เถียงรุนแรงนำไปสู่การยิงเสียชีวิต ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยยิงผู้ตายขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ในรถยนต์ที่จำเลยขับขี่ แล้วจำเลยขับรถยนต์นำศพจากที่เกิดเหตุ และจากรถยนต์เข้าไปในโบสถ์ นำศพไปใส่ไว้ในกล่องกระดาษในลักษณะให้ศพนั่งคุดคู้อยู่ในกล่อง นำกล่องไปเก็บไว้ในห้องเก็บหนังสือ แม้มิได้ใช้วัสดุอื่นปิดบังกล่อง เมื่อเปิดประตูห้องเก็บหนังสือก็สามารถเห็นกล่องได้ ก็เป็นการกระทำเพื่อที่จะปิดบังเหตุแห่งการตายของผู้ตายจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199
การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยถึงโคตรพ่อโคตรแม่ ทั้งๆ ที่ จำเลยเป็นผู้ให้ความอุปการะช่วยเหลือผู้ตายตลอดมา จนจำเลยระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้และใช้อาวุธปืนที่ติดตัวยิงเพียง 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการกระทำผิด: การติดเครื่องรถให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีหลังก่อเหตุยิง เสี่ยงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ล. นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยลงมาพูดทำนองบังคับผู้ตายให้กลับรถของจำเลย ใช้ปืนจี้ท้ายทอยแล้วลั่นไกแต่ กระสุนไม่ลั่น จึงใช้ปืนตีศีรษะ แล้วร้องบอกให้จำเลยติดเครื่องรถรอ จำเลยก็ติดเครื่องรถรอจน ล. มาถึงรถจำเลยแล้วยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด เมื่อขึ้นคร่อมท้ายรถแล้ว ล. ยิงไปอีกหลายนัด ขณะเดียวกันจำเลยก็ขับรถพาหลบหนีไป การติดเครื่องรถรออยู่เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการให้กำลังใจว่าเมื่อยิงแล้วมีโอกาสซ้อนรถจำเลยหลบหนีไปได้ทันท่วงทีและปลอดภัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของ ล. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ การยิงผู้ตายที่เข้าใจผิดว่าลักทรัพย์ ศาลลดโทษตามมาตรา 69
กระบือของจำเลยถูกลักไปหลายครั้งคงเหลืออยู่ตัวเดียวคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านจำเลยตามทางที่มีคนเดินประจำ จำเลยยิงผู้ตายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายมาลักกระบือ มีเหตุให้จำเลยต้องป้องกันทรัพย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่ากรณีที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาต่างกันในการยิง และผลกระทบของ พ.ร.บ. ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
จำเลยและ ป. โกรธแค้น ม. ที่ฆ่า ส. เพื่อนของจำเลยตายจึง ถือปืนไปถามหา ม. ต่อ พ. และ ย. โดยมิได้มีเจตนาจะฆ่าพ. และ ย. มาก่อนเลย ครั้นไม่พบ ม. จำเลยก็ยิงและไล่ตามยิง พ.ส่วน ป. ยิงและไล่ตามยิง ย. ต่อมาอีกเล็กน้อยเมื่อ ป. ยิง ย.ขณะที่จำเลยอยู่ด้วย จำเลยก็มิได้ยิง ย. ตามพฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของจำเลยและ ป. ว่าต่างคนต่างยิง พ.และ ย. เป็นเจตนาที่ต่างเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ จำเลยมิได้มีเจตนาร่วมกับ ป.ฆ่า ย. จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ย. อีกกระทงหนึ่ง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526 ประกาศใช้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2526 ซึ่งตามมาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ฯลฯ โดยถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ จำเลยต้องโทษในกรณีความผิดซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และพ้นโทษคดีก่อนก่อนที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3543/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแม้ผู้เสียหายไม่อยู่ในห้องขณะถูกยิง ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
บ้านของผู้เสียหายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง 2 เมตรจำเลยยิงปืนไปที่ห้องนอน ป. บุตรผู้เสียหายเพราะเชื่อว่าผู้เสียหายนอนอยู่ในห้องนั้น กระสุนปืนถูกที่ฝาบ้านสูงจากพื้นบ้าน 1 เมตร ดังนี้ แม้ขณะที่จำเลยยิง ผู้เสียหายและ ป. มิได้นอนอยู่ในห้องโดยลุกจากที่ที่ตนนอนมาแอบดูจำเลยที่หน้าต่างและฝาบ้าน การกระทำของจำเลยก็เป็นการยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าซึ่งกระทำไปตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิป้องกันตัว: จำเลยถูกไล่ตามและยิงก่อน จึงมีสิทธิยิงตอบเพื่อป้องกันชีวิต
ป.และผู้ตายเดินกระแทกไหล่จำเลย จำเลยต่อว่าจึงเกิดชกกันขึ้น มีผู้ห้ามจนเลิกกันไปแล้วผู้ตายเอาปืนจี้เพื่อนจำเลยจะไปส่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเพื่อนจำเลยยิงปืนจำเลยจึงไปขอให้พี่สาวจำเลยมาช่วยเจรจา ป. ไม่ยอมและชกจำเลย ช. กับ ก. เข้าช่วย ป. จำเลยล้มลงจึงใช้ไม้ตี ช.1 ที แล้วจำเลยเห็นผู้ตายถือปืนเล็งมาทางจำเลย จำเลยจึงวิ่งหนีผู้ตายวิ่งไล่ตามและยิงจำเลย จำเลยรู้สึกเจ็บที่เท้าซ้ายและน่องซ้ายล้มลง หันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 2 วา ถือปืนจ้องมาทางจำเลยจำเลยจึงยิงผู้ตาย 1 นัดถูกผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันชีวิตของตน การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจยิงเพื่อป้องกันตัวที่เกินกว่าเหตุ และเจตนาฆ่า
ผู้ตายยิงปืนมาทางเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 1 เพียงนัดเดียวไม่ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด จำเลยที่ 1 ยิงปืนโต้ตอบไป ผู้ตายถูกกระสุนปืนด้านหลังแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังวิ่งหนี แต่เมื่อผู้ตายยิงปืนมาทางจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันหลังกลับมายิงจำเลยที่ 1 กับพวกซ้ำอีกหรือไม่ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไปทีเดียว และจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะจับผู้ตายซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจยิงผู้ตายได้หากพอสมควรแก่เหตุเช่นยิงที่ขา แต่การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย 1 นัด ทางด้านหลังถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการใช้วิธีหรือควรป้องกันทั้งหลายไม่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้ตาย และเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69
of 20