คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ย้อนสำนวน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 113 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหย่า: ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นอายุความหลังพบเหตุหย่ามีอยู่จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุที่โจทก์ฟ้องหย่าได้แต่เมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ด้วยว่าโจทก์รู้ถึงเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยเกิน 3 เดือนแล้ว คดีขาดอายุความ ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอายุความให้ครบประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ ในเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยอายุความของเช็ค แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้กะประเด็นไว้โดยชัดแจ้ง แต่หากศาลได้วินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวน
แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้กะประเด็นเรื่องอายุความไว้ตามที่จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้แล้วว่า คดีไม่ขาดอายุความ จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลฎีกาจะต้องให้ศาลชั้นต้นกะประเด็นแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานก่อนพิพากษาคดี: ศาลอุทธรณ์สั่งย้อนสำนวนเพื่อสืบพยานใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาคดีไป แม้คู่ความไม่โต้แย้งคำสั่งให้งดสืบพยาน ก็เป็นการพิจารณาผิดพลาด ศาลอุทธรณ์สั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามสำนวนเดิม โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนไปได้ โดยมิจำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนั้นใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3) (อ้างฎีกาที่ 1050/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงในสำนวน – ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวน
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนไปได้. โดยมิจำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนั้นใหม่. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3).(อ้างฎีกาที่ 1050/2500).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: โจทก์ยกข้อต่อสู้ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวน
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา มีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนเสมอไป ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.240(3)
ศาลขั้นต้นมิได้ชี้ขาดในประเด็นว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทมาจากนายวิฑูรบิดานายเสียงจริงหรือไม่ คดีมาถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ๆ เห็นสมควรชี้ขาดว่า ฟังได้ว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทจากนายวิฑูรโดยมิได้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อนี้นั้น เป็นเรื่องศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.240(3) ๆ ให้อำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำหรือไม่ย้อนก็ได้แล้วแต่ดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยไม่ย้อนสำนวน
ศาลชั้นต้นมิได้ชี้ขาดในประเด็นว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทมาจากนายวิฑูรบิดานายเสียงจริงหรือไม่คดีมาถึงชั้นศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรชี้ขาดว่า ฟังได้ว่าจำเลยได้เช่าห้องพิพาทจากนายวิฑูรโดยมิได้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อนี้นั้นเป็นเรื่องศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งม.240(3) ม.240(3)ให้อำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำหรือไม่ย้อนก็ได้แล้วแต่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยครบถ้วน ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่สมบูรณ์ ต้องย้อนสำนวน
เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้จำเลยบางคนไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดสืบพยานเมื่อมีหลักฐานเพียงพอ และการวินิจฉัยคดีโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
เมื่อศาลเห็นว่าข้อที่คู่ความประสงค์จะนำสืบไม่เป็นประโยชน์ต่อคดีศาลย่อมมีอำนาจที่จะงดสืบพยานนั้นเสียได้และเมื่อเห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่พอเพียงจะเชื่อฟังเป็นยุติได้แล้วก็พิพากษาคดีนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไปตามที่คู่ความขออีก
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่โดยยังไม่ได้วินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีหลักฐานพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก
of 12