คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รถจักรยานยนต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถโดยสาร หักเลี้ยวเข้าช่องทางกะทันหันและไม่ให้สัญญาณ ทำให้รถจักรยานยนต์ชนท้ายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถโดยสารในช่องเดินรถช่องที่ 2 แล้วเบนหัวรถเข้ามาในช่องที่ 1 โดยกะทันหันและไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อให้ผู้ตายซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมารู้ตัวล่วงหน้า และในขณะเดียวกันจำเลหยก็ชะลอรถเพื่อเข้าจอดผู้ตายไม่ทันระวังตัวจึงขับรถชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการครอบครองรถจักรยานยนต์ผู้อื่น ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์บ่งชี้เจตนา
จำเลยจูงรถจักรยานยนต์ของบุคคลอื่นซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ไปจากที่จอดรถหน้าสถานีตำรวจ โดยไม่มีเหตุที่จะทำให้สำคัญผิดได้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของจำเลย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปทันขณะจำเลยกำลังจูงรถจักรยานยนต์อยู่ จำเลยก็ไม่ได้โต้เถียงว่าเป็นรถจำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่และสำเนาทะเบียนรถจำเลยก็ไม่มีแสดง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปโดยเจตนาทุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการครอบครองรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์บ่งชี้ถึงเจตนา
จำเลยจูงรถจักรยานยนต์ของบุคคลอื่นซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ไปจากที่จอดรถหน้าสถานีตำรวจ โดยไม่มีเหตุที่จะทำให้สำคัญผิดได้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของจำเลย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปทันขณะจำเลยกำลังจูงรถจักรยานยนต์อยู่ จำเลยก็ไม่ได้โต้เถียงว่าเป็นรถจำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่และสำเนาทะเบียนรถจำเลยก็ไม่มีแสดง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปโดยเจตนาทุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้ทางของรถจักรยานยนต์ที่ถึงทางแยกก่อน รถยนต์ต้องให้ผ่านก่อน แม้เป็นทางเอก
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงทางแยกก่อนจนแล่นเข้าไปอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 จะถึงช่องที่ 2 อยู่แล้ว รถยนต์ที่ ส. ขับจึงชนรถจักรยานยนต์ของจำเลย ในลักษณะเช่นนี้รถยนต์ของ ส. จะต้องให้รถจักรยานยนต์ของจำเลยผ่านไปก่อนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71 (1) ส. ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงมากและไม่ลดความเร็วเมื่อถึงทางร่วมทางแยกแม้จะเป็นทางเอกก็เป็นฝ่ายประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางถนน: ผู้ขับขี่รถทางเอกประมาท ไม่ลดความเร็ว ทำให้ชนรถจักรยานยนต์ที่ถึงทางแยกก่อน
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงทางแยกก่อนจนแล่นเข้าไปอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 จะถึงช่องที่ 2 อยู่แล้ว รถยนต์ที่ ส. ขับจึงชนรถจักรยานยนต์ของจำเลย ในลักษณะเช่นนี้รถยนต์ของ ส. จะต้องให้รถจักรยานยนต์ของจำเลยผ่านไปก่อนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) ส. ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงมากและไม่ลดความเร็วเมื่อถึงทางร่วมทางแยกแม้จะเป็นทางเอกก็เป็นฝ่ายประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลังกระทำผิดลักทรัพย์: ไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องริบ
จำเลยทั้งสองเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายแล้วเปิดประตูระเบียง หน้าบ้านผู้เสียหายวิ่งไปนั่งซ้อน ท้าย รถจักรยานยนต์ซึ่งจอดรออยู่หลบหนีไป การกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้ววิ่งหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของกลางมิได้มีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงมิใช่ทรัพย์อันพึงริบตาม ป.อ. มาตรา 33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีหลังปล้นทรัพย์ และการริบของกลาง
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33 (1) เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการหลบหนี
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33(1)เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อรถจักรยานยนต์ราคาถูกโดยไม่ทราบแหล่งที่มาไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
แม้จะปรากฏว่าจำเลยซื้อรถจักรยานยนต์จากเพื่อนตำรวจด้วยกันในราคาถูกแต่เมื่อซื้อมาแล้วจำเลยก็ไม่ได้ปกปิดซ่อนเร้นได้ขับรถไปทำงานที่สถานีตำรวจกับไปตรวจท้องที่อันเป็นการใช้รถโดยเปิดเผยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบว่าผู้ขายได้รถมาอย่างไรเพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ซื้อรถไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการกระทำผิด ไม่ถือเป็นของกลางที่ต้องริบ
จำเลยขี่รถจักรยานยนต์พา ข. นั่งซ้อนท้ายไปยิงผู้เสียหายโดย ข. เป็นผู้ยิง แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ดังนี้รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของที่ใช้ร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นเพียงพาหนะที่ใช้ในการไปมาเท่านั้น จึงไม่ใช่ของกลางที่จะพึงริบ
of 11