พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาซื้อขายตามเงื่อนไขในหนังสือเวียนของบริษัทผู้ผลิต ถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดสำหรับประเมินภาษี
ราคากระสุนปืนที่โจทก์นำเข้าเป็นราคาที่บริษัทว. ระบุไว้ตามหนังสือเวียนถึงลูกค้าในประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องส่งใบสั่งซื้อระหว่างเวลากำหนดไว้ และถึงราคากระสุนปืนชนิดและขนาดต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้นั้น จะใช้ราคานี้ได้ต่อเมื่อสั่งซื้อเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ โดยจะสั่งซื้อเป็นงวด ๆ ก็ได้ ซึ่งเป็นการตั้งราคาตามที่เคยปฏิบัติกันมา หากลูกค้าในประเทศไทยสั่งซื้อกระสุนปืนภายใต้เงื่อนไขในหนังสือเวียนนี้ลูกค้าทุกคนก็จะซื้อกระสุนปืนได้ในราคาที่ตั้งไว้ โจทก์สั่งซื้อกระสุนปืนแบบต่าง ๆ เกินกว่าจำนวนที่ผู้ขายระบุไว้ ทั้งได้สั่งซื้อภายในระยะเวลาที่ผู้ขายกำหนดถูกต้องตามเงื่อนไขในหนังสือเวียนดังกล่าว ราคากระสุนปืนที่โจทก์นำเข้าจึงเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2955/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขการชำระค่าธรรมเนียมต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อปรากฏว่าในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระบุราคาซื้อขายไว้ชัดแจ้งว่า เป็นเงิน 240,000 บาท และมิได้กำหนดเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมในการโอน ค่าภาษีเงินได้และค่าอากรรับเงินแต่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าราคาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นเงิน 600,000 บาท และมีข้อตกลงดังกล่าวหาได้ไม่เพราะเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อขาย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 และไม่ใช่เป็นกรณีที่นำสืบถึงความไม่สมบูรณ์ของเอกสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาประเมินภาษีศุลกากรต้องเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง ณ เวลาที่นำเข้า การใช้ราคาแจ้งภายหลังเป็นหลักฐานไม่ได้
ราคาสินค้าที่กรมศุลกากรโจทก์ที่ 1 ได้รับแจ้งมาเป็นราคาขายภายหลังจากที่จำเลยนำสินค้าของจำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วถึงปีเศษ จึงไม่ใช่ราคาซื้อขายซึ่งจะพึงขายของชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและที่ที่นำของเข้าอันเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 2 โจทก์ที่ 1 จึงจะใช้ราคาที่ได้รับแจ้งมานั้นประเมินให้จำเลยเสียภาษีสำหรับสินค้าของจำเลยไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4357/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ศาลพิจารณาความสุจริตและราคาซื้อขายที่แท้จริง
การโอนทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในระหว่าง 3 ปีก่อนล้มละลาย พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา114 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนต้องแสดงให้ศาลพอใจว่าการโอนนั้นได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้คัดค้านจึงจะต่อสู้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยอมให้เพิกถอนการโอนได้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ต้องนำสืบแสดงความไม่สุจริตของผู้รับโอนเมื่อปรากฏว่า ส. บิดาผู้คัดค้านกับจำเลยผู้ล้มละลายได้ติดต่อการค้ากันมานานถึง 10 ปี และที่ดินทั้ง 4 โฉนดที่ขายให้แก่ผู้คัดค้านมีรายการจดทะเบียนติดจำนองมาตลอด ดังนี้ ส. และผู้คัดค้านย่อมอยู่ในฐานะรู้ดีว่าจำเลยเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวอยู่แล้ว ฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านรับโอนไว้โดยสุจริตศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2448/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลในคดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายและราคาซื้อขาย ศาลไม่คืนค่าธรรมเนียมแม้ไม่วินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายโดยตรง
โจทก์ฟ้องคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์แม้ศาลจะมิได้พิจารณาในประเด็นที่มีคำขอตามทุนทรัพย์โดยตรงเพราะเห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดีก็ไม่ทำให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้กลายเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ศาลจึงไม่จำต้องคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ราคาซื้อขายที่แท้จริงในคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา การนำสืบพยานบุคคลเป็นหลักฐานได้
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 โอนขายนาพิพาทให้แก่โจทก์ ในราคาที่จำเลยที่ 2 ซื้อมาจากจำเลยที่ 1 ตามสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 ประเด็นจึงมีว่าจำเลยที่ 2 ซื้อนาพิพาทมาในราคาเท่าใด การนำสืบในประเด็นเช่นว่า นี้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานบุคคลได้ เพราะไม่ใช่เป็นการนำสืบเพื่อบังคับตามสัญญาซื้อขายที่จำเลยที่ 1 และที่2 ได้ทำไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าทดแทนที่ดินเวนคืนต้องใช้ราคาปานกลางตามภาษีบำรุงท้องที่และสภาพที่ดิน ราคาซื้อขายที่สมยอมใช้ไม่ได้
การกำหนดค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา14 กำหนดตามความเป็นธรรมในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาเวนคืนต้องถือตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินเพื่อเก็บภาษีบำรุงท้องที่ กับสภาพและทำเลของทรัพย์สินมาประกอบกันราคาที่ดินใกล้เคียงทำสัญญาซื้อขายกันสูงกว่าราคาจริงโดยสมยอมเพื่อต่อรองเมื่อมีการเวนคืน อนุญาโตตุลาการนำมาอาศัยกำหนดราคาเวนคืน จึงขัดต่อกฎหมาย ศาลไม่บังคับตามคำชี้ขาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างอำพราง: การปกปิดราคาซื้อขายที่ดิน และเจตนาที่ไม่แท้จริงในการทำสัญญา
จำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์ เป็นที่ดินของโจทก์กับพวก โจทก์ประสงค์จะปกปิดราคาที่ดินส่วนที่เกิดจากราคาไร่ละ 68,000 บาท ไม่ให้พวกของโจทก์ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมรู้ความจริง จึงทำสัญญาจ้างโจทก์เท่ากับจำนวนเงินราคาที่ดินส่วนที่เกินไร่ละ 68,000 บาท โดยโจทก์ประสงค์จะได้เงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของโจทก์แต่ผู้เดียว ดังนี้ โจทก์จำเลยไม่มีเจตนาจ้างกัน โจทก์จะบังคับให้จำเลยชำระค่าจ้างตามสัญญาจ้างมิได้ และกรณีเช่นนี้มิใช่การแปลงหนี้ใหม่ เพราะหนี้ใหม่คือค่าจ้างมิได้เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเช็ค: การส่งคืนของไม่ใช่เหตุไม่ต้องใช้เงินตามเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องใช้เงินตามเช็คเพราะได้ส่งคืนของที่รับมาจากโจทก์ตามสัญญาแล้ว โจทก์นำสืบแก้ข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่าไม่มีข้อตกลงให้คืนของ แต่เป็นเช็คที่จำต้องชำระราคาของที่รับซื้อไปนั้น โดยโจทก์ไม่ต้องตั้งประเด็นขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคำร้องขัดทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ใช้ราคาซื้อขายที่แท้จริงแทนราคาประเมินเจ้าพนักงานบังคับคดี
มาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอยู่ในลักษณะ 6 หมวดที่ 3 ส่วนที่ 2 ว่าด้วยความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งหมายถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีว่าคยามรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีจะตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายใดเพียงใด อันเป็นดุลพินิจของศาลส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มก่อนที่จะรับคำร้องขอไว้พิจารณาอันเป็นการสั่งชั้นตรวจรับคำร้องขอของผู้ร้องตามมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอของผู้ร้องมีทุนทรัพย์ 500,000 บาท แต่ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลมาในจำนวนทุนทรัพย์เพียง 220,000 บาท อันถือว่าคำร้องขอนั้นมิได้ปิดแสตมป์สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ คือ เสียค่าขึ้นศาลให้ครบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าผู้ร้องไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอนั้น คำสั่งไม่รับคำคู่ความเช่นนี้ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227,228,247
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีมูลที่จะร้องขอ ซึ่งเท่ากับสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอนาถาของผู้ร้อง แล้วสั่งต่อไปว่า ถ้าผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในกำหนด 15 วัน ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดก็ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และสั่งให้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มผู้ร้องมิได้นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าให้ถือว่าทิ้งคำร้องนั้นมีผลแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่า ทิ้งคำร้อง เป็นการคลาดเคลื่อนผลก็เท่ากับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องนั่นเอง ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีมูลที่จะร้องขอ ซึ่งเท่ากับสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอนาถาของผู้ร้อง แล้วสั่งต่อไปว่า ถ้าผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในกำหนด 15 วัน ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดก็ให้ถือว่าทิ้งคำร้อง และสั่งให้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มผู้ร้องมิได้นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่าให้ถือว่าทิ้งคำร้องนั้นมีผลแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่า ทิ้งคำร้อง เป็นการคลาดเคลื่อนผลก็เท่ากับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องนั่นเอง ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย