พบผลลัพธ์ทั้งหมด 128 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669-1672/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การรับโอนสิทธิพร้อมกิจการค้า และการละเมิดสิทธิเมื่อสั่งนำเข้าก่อนการรับโอน
แม้โจทก์จะมิใช่ผู้ประดิษฐ์หรือผลิตสินค้าชนิดที่มีเครื่องหมายการค้ารายพิพาทแต่เมื่อโจทก์รับโอนเครื่องหมายการค้ารายพิพาทจากเจ้าของเดิมไว้พร้อมกับรับโอนกิจการค้าอื่นเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้ารายพิพาทนับแต่วันรับโอนมาและจดทะเบียนการรับโอนไว้แล้วโจทก์จึงมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการค้าและเสนอสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้ารายพิพาทตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 3,27
จำเลยสั่งเครื่องพิมพ์ที่มีเครื่องหมายการค้ารายพิพาทมาขายในประเทศไทยก่อนโจทก์รับโอนเครื่องหมายการค้ารายพิพาทและกิจการค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้ารายพิพาทมาจากเจ้าของเดิมไม่ถือว่าจำเลยละเมิดสิทธิของโจทก์
จำเลยสั่งเครื่องพิมพ์ที่มีเครื่องหมายการค้ารายพิพาทมาขายในประเทศไทยก่อนโจทก์รับโอนเครื่องหมายการค้ารายพิพาทและกิจการค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้ารายพิพาทมาจากเจ้าของเดิมไม่ถือว่าจำเลยละเมิดสิทธิของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองและการใช้ทรัพย์สิน การละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน และสิทธิในการใช้ประเพณีท้องถิ่น
โจทก์จำเลยทำนาเกลือโดยต่างขุดลำรางชักน้ำจากทะเลสู่นาเกลือของตน แม้จำเลยเคยขุดลอกลำรางของโจทก์ ก็เพื่อความสะดวกในการชักน้ำเป็นครั้งคราวกรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยึดถือเพื่อตน จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองลำรางของโจทก์
การที่จำเลยขุดฝังท่อลอดใต้ลำรางของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมเป็นการรบกวนการครอบครองและการใช้ทรัพย์ของโจทก์ เป็นการกระทำโดยจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หรือมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ จำเลยจะอ้างว่ามีสิทธิทำได้ตามประเพณีแห่งท้องถิ่นไม่ได้
การที่จำเลยขุดฝังท่อลอดใต้ลำรางของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมเป็นการรบกวนการครอบครองและการใช้ทรัพย์ของโจทก์ เป็นการกระทำโดยจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หรือมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ จำเลยจะอ้างว่ามีสิทธิทำได้ตามประเพณีแห่งท้องถิ่นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและการละเมิดสิทธิ: การใช้เครื่องหมายที่แยกส่วนและการเลียนแบบแบบสินค้า
โจทก์และจำเลยต่างก็ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือโดยเลียนแบบจากของต่างประเทศออกจำหน่าย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิตสร้อยข้อมือแบบดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีสิทธิห้ามมิให้โจทก์ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือเลียนแบบสินค้าของจำเลย
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแข่งขันขนส่งประจำทาง: การละเมิดสิทธิผู้ได้รับอนุญาตและการควบคุมการขนส่งเพื่อความปลอดภัย
โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบว่า โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถยนต์โดยสารบนเส้นทางสายหนึ่งและจำเลยได้นำรถยนต์มาวิ่งรับส่งผู้โดยสารบนเส้นทางดังกล่าว เป็นกรณีที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยละเมิดสิทธิของโจทก์โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลเพื่อขจัดข้อโต้แย้งและแสดงสิทธิของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเข้าทำการขนส่งในเส้นทางใดในลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางสายนั้นมีความมุ่งหมายที่จะควบคุมการขนส่งคนโดยสารโดยรถยนต์โดยสาร เพื่อมิให้เกิดการแก่งแย่งกับรถโดยสารประจำทางแม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะตามมาตรา 11(2) แต่เมื่อจำเลยนำรถยนต์มาวิ่งรับคนโดยสารและเก็บค่าโดยสารเป็นรายตัวเช่นเดียวกับโจทก์เป็นการทับเส้นทางของโจทก์โดยมิใช่ในลักษณะเหมาทั้งคันหรือในลักษณะรถทัศนาจรย่อมถือว่าเป็นลักษณะของการแข่งขันและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 14ดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเข้าทำการขนส่งในเส้นทางใดในลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางสายนั้นมีความมุ่งหมายที่จะควบคุมการขนส่งคนโดยสารโดยรถยนต์โดยสาร เพื่อมิให้เกิดการแก่งแย่งกับรถโดยสารประจำทางแม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะตามมาตรา 11(2) แต่เมื่อจำเลยนำรถยนต์มาวิ่งรับคนโดยสารและเก็บค่าโดยสารเป็นรายตัวเช่นเดียวกับโจทก์เป็นการทับเส้นทางของโจทก์โดยมิใช่ในลักษณะเหมาทั้งคันหรือในลักษณะรถทัศนาจรย่อมถือว่าเป็นลักษณะของการแข่งขันและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 14ดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแข่งขันแย่งลูกค้าขนส่งประจำทางละเมิดสิทธิผู้ได้รับใบอนุญาต - ค่าเสียหายเหมาะสม
จำเลยเดินรถขนส่งทับเส้นทางเป็นการแข่งขันกับโจทก์ผู้ได้รับใบอนุญาตขนส่งประจำทาง โจทก์เดินรถตอนเช้าซึ่งมีคนโดยสารมาก จำเลยเดินรถในเวลาถัดไป ดังนี้ เป็นการละเมิดสิทธิต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์โดยสุจริตและการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน ความรับผิดในความเสื่อมสภาพและการใช้ประโยชน์
รถยนต์ยี่ห้อดัทสันกะบะขนาด 1300 ซีซี ของโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างก็ถูกคนร้ายลักไป โจทก์แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา จำเลยที่ 1 แจ้งความไว้กับจำเลยที่ 2 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลจับคนร้ายลักรถยนต์ได้ ได้รถยนต์ของกลางซึ่งตัวถังเป็นของโจทก์แต่ถูกพ่นสีเปลี่ยนไปจากสีเดิม สารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบุบผารามพิจารณาแล้วเชื่อว่าเป็นรถคันที่หายที่ได้แจ้งความไว้ที่สถานที่ตำรวจท่าเรือกรุงเทพ จึงมอบรถให้จำเลยที่ 2 ไปดำเนินคดี จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ทราบก่อนว่าโจทก์โต้แย้งกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับตัวถังรถยนต์ของกลาง เชื่อโดยสุจริตว่ารถยนต์ของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 จึงมอบรถยนต์ของกลางให้จำเลยที่ 1 รับไปรักษา ซึ่งเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มอบรถยนต์ของกลางให้จำเลยที่ 1 ไปดังกล่าว จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 1 ไม่ทราบมาก่อนว่าโจทก์โต้แย้งกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับตัวถังรถยนต์ของกลาง ขณะรับรถยนต์ของกลางไว้เชื่อโดยสุจริตใจว่ารถยนต์ของกลางทั้งคันเป็นของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 รับรถยนต์ของกลางไว้และซ่อมใช้รถนี้โดยปกติธุระจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์เช่นเดียวกัน แต่ต่อมาเมื่อคดีอาญาถึงที่สุดศาลพิพากษาว่าตัวถังรถยต์ของกลางเป็นของโจทก์ โจทก์ได้ฟ้องเรียกตัวถังคืนจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องของโจทก์ตามกฎหมายแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบแล้วว่าตัวถังรถยนต์ของกลางเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องคืนให้โจทก์ แต่จำเลยยังไม่คืนให้โจทก์ยังคงใช้ตัวถังรถยนต์ของโจทก์อยู่ตลอดมา จำเลยที่ 1 จึงตกอยู่ในฐานะทุจริตตั้งแต่วันที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดฐานะละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป
จำเลยที่ 1 ควรรับผิดในความเสื่อมสภาพของตัวถังและเค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ตัวถังรถพิพาทเพียงใดนั้น ควรคำนึงพฤติการณ์แห่งความเป็นจริงของตัวทรัพย์นั้นด้วยว่า เจ้าของทรัพย์นั้นพอจะบรรเทาความเสียหายที่ไม่ได้ใช้ทรัพย์นั้นโดยหาตัวทรัพย์เช่นนั้นมาชดใช้แทนความเสียหายอันพึงเกิดขึ้นนั้นได้หรือไม่เพียงไร เป็นเหตุผลประกอบด้วยคดีนี้โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์ไม่สามารถจะหาซื้อตัวถังรถยนต์อื่นมาใช้แทนเพื่อประกอบกับเครื่องยนต์ของโจทก์ที่ถูกลักไปและได้รับคืนมา เพื่อโจทก์จะมีรถยต์ไว้ใช้ต่อไป การจะกำหนดให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้ค่าเสียหาย ค่าเสื่อมราคาต่อโจทก์เกินกว่าราคาตัวถังรถพิพาทตามที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นการขัดต่อเหตุผลและความเป็นธรรม
จำเลยที่ 1 ไม่ทราบมาก่อนว่าโจทก์โต้แย้งกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับตัวถังรถยนต์ของกลาง ขณะรับรถยนต์ของกลางไว้เชื่อโดยสุจริตใจว่ารถยนต์ของกลางทั้งคันเป็นของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 รับรถยนต์ของกลางไว้และซ่อมใช้รถนี้โดยปกติธุระจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์เช่นเดียวกัน แต่ต่อมาเมื่อคดีอาญาถึงที่สุดศาลพิพากษาว่าตัวถังรถยต์ของกลางเป็นของโจทก์ โจทก์ได้ฟ้องเรียกตัวถังคืนจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องของโจทก์ตามกฎหมายแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบแล้วว่าตัวถังรถยนต์ของกลางเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องคืนให้โจทก์ แต่จำเลยยังไม่คืนให้โจทก์ยังคงใช้ตัวถังรถยนต์ของโจทก์อยู่ตลอดมา จำเลยที่ 1 จึงตกอยู่ในฐานะทุจริตตั้งแต่วันที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดฐานะละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป
จำเลยที่ 1 ควรรับผิดในความเสื่อมสภาพของตัวถังและเค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ตัวถังรถพิพาทเพียงใดนั้น ควรคำนึงพฤติการณ์แห่งความเป็นจริงของตัวทรัพย์นั้นด้วยว่า เจ้าของทรัพย์นั้นพอจะบรรเทาความเสียหายที่ไม่ได้ใช้ทรัพย์นั้นโดยหาตัวทรัพย์เช่นนั้นมาชดใช้แทนความเสียหายอันพึงเกิดขึ้นนั้นได้หรือไม่เพียงไร เป็นเหตุผลประกอบด้วยคดีนี้โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์ไม่สามารถจะหาซื้อตัวถังรถยนต์อื่นมาใช้แทนเพื่อประกอบกับเครื่องยนต์ของโจทก์ที่ถูกลักไปและได้รับคืนมา เพื่อโจทก์จะมีรถยต์ไว้ใช้ต่อไป การจะกำหนดให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้ค่าเสียหาย ค่าเสื่อมราคาต่อโจทก์เกินกว่าราคาตัวถังรถพิพาทตามที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นการขัดต่อเหตุผลและความเป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำลายทรัพย์สินในที่สาธารณะ แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
การที่จำเลยถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวในหนองสาธารณะซึ่งผู้เสียหายปลูกต้นข้าวไว้โดยต้นข้าวขึ้นปะปนอยู่กับกอบัว จนเป็นเหตุให้ต้นข้าวเน่าตายไปจำนวนหนึ่ง เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปในป่าข้าวทำความเสียหายแก่ต้นข้าวได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเจตนาทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินร่วมกันและการละเมิดสิทธิจากผู้รับมรดก
โจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมในที่ดินสองแปลงกับที่บ้านหนึ่งแปลงคนละส่วนเท่า ๆ กัน และได้ครอบครองร่วมกันและแทนกัน การที่จำเลยเข้าไปไถนาทั้งสองแปลง และไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปครอบครองที่ดินบ้านโดยจำเลยอ้างว่า ที่พิพาททั้งสามแปลงเป็นของตนคนเดียว เห็นได้ว่าขัดต่อสิทธิจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทรวมกันจำเลย กรณีจึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1360 และมาตรา 420,421
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1069/2509)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1069/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินร่วมกันและละเมิดสิทธิเจ้าของรวม การไถนาและกีดกันการเข้าครอบครอง
โจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมในที่ดินนาสองแปลงกับที่ดินบ้านหนึ่งแปลงคนละส่วนเท่าๆ กัน และได้ครอบครองร่วมกันและแทนกัน การที่จำเลยเข้าไปไถนาทั้งสองแปลง และไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปครอบครองที่ดินบ้าน โดยจำเลยอ้างว่า ที่พิพาททั้งสามแปลงเป็นของตนคนเดียว เห็นได้ว่าขัดต่อสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทรวมกับจำเลยกรณีจึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 และมาตรา 420,421.(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1069/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ - สิทธิของผู้เช่า - การละเมิดสิทธิ - สัญญาเช่า - กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
โจทก์ร่วมทำสัญญาให้บริษัท ว.ก่อสร้างอาคารพาณิชย์ในที่ดินของโจทก์ร่วม โดยตกลงให้อาคารตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม บริษัท ว.หรือบริษัทผู้รับช่วงจากบริษัท ว.ได้สิทธิเรียกร้องเงินกินเปล่าจากผู้เช่าและนำผู้เช่ามาทำสัญญากับโจทก์ร่วม บริษัท ว.ให้บริษัท ส.รับช่วงก่อสร้างอาคารดังกล่าวไป บริษัท ส.ได้ก่อสร้างอาคารพิพาทหนี้แล้วบริษัท ว.และบริษัท ส.ได้ตกลงให้ ม.เช่า และนำ ม.ไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์ร่วม ต่อมา ม.โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์โดยโจทก์ร่วมอนุญาตและทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว ดังนี้ แม้จำเลยจะได้ออกเงินค่าก่อสร้างอาคารพิพาทให้แก่บริษัท ส.และบริษัท ส.ตกลงจะให้จำเลยเช่าอาคารพิพาท ทั้งจำเลยได้เข้าอยู่อาศัยในอาคารพิพาทก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ร่วมก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ร่วมไม่ทราบถึงข้อตกลงระหว่างบริษัท ส.กับจำเลย และบริษัท ส.ไม่ได้นำจำเลยไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์ร่วมข้อตกลงระหว่างจำเลยกับบริษัท ส.คงผูกพันเฉพาะจำเลยกับบริษัท ส.เท่านั้นไม่ผูกพันโจทก์และโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โจทก์ร่วมจึงไม่มีหน้าที่ให้จำเลยเช่าอาคารพิพาท
อาคารพิพาทปลูกในที่ดินของโจทก์ร่วม เมื่อตกลงกันว่าให้อาคารที่ก่อสร้างขึ้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม จึงเป็นส่วนควบของที่ดินของโจทก์ร่วมและเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทให้โจทก์ร่วมอีก
การที่จำเลยได้เข้าอยู่ในอาคารพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมโดยไม่มีสิทธิที่จะอยู่นั้น เป็นการละเมิดต่อโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทเมื่อโจทก์ร่วมไม่ได้ฟ้องขับไล่ จำเลยทำให้โจทก์ผู้เช่าตึกพิพาทจากโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายเพราะเข้าอยู่ในอาคารพิพาทไม่ได้ โจทก์ชอบที่จะฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท และขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 ประกอบด้วยมาตรา 549 แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะตกลงกันว่าโจทก์ร่วมไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ร่วมขจัดปัดเป่าการรอนสิทธิตามมาตรา 483 ประกอบด้วยมาตรา 549 ก็ตาม แต่การที่โจทก์ขอให้ศาลเรียกโจทก์ร่วมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการฟ้องขอให้โจทก์ร่วมรับผิดในการรอนสิทธิ ทั้งโจทก์ร่วมก็ยินยอมเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้
การที่จำเลยเข้าอยู่ในอาคารพิพาทโดยมิได้เช่าจากโจทก์ร่วมและเข้าอยู่โดยไม่มีสิทธิอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ร่วม โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวให้จำเลยออกจากอาคารพิพาทก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 566
อาคารพิพาทปลูกในที่ดินของโจทก์ร่วม เมื่อตกลงกันว่าให้อาคารที่ก่อสร้างขึ้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม จึงเป็นส่วนควบของที่ดินของโจทก์ร่วมและเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทให้โจทก์ร่วมอีก
การที่จำเลยได้เข้าอยู่ในอาคารพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมโดยไม่มีสิทธิที่จะอยู่นั้น เป็นการละเมิดต่อโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทเมื่อโจทก์ร่วมไม่ได้ฟ้องขับไล่ จำเลยทำให้โจทก์ผู้เช่าตึกพิพาทจากโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายเพราะเข้าอยู่ในอาคารพิพาทไม่ได้ โจทก์ชอบที่จะฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท และขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 ประกอบด้วยมาตรา 549 แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะตกลงกันว่าโจทก์ร่วมไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ร่วมขจัดปัดเป่าการรอนสิทธิตามมาตรา 483 ประกอบด้วยมาตรา 549 ก็ตาม แต่การที่โจทก์ขอให้ศาลเรียกโจทก์ร่วมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการฟ้องขอให้โจทก์ร่วมรับผิดในการรอนสิทธิ ทั้งโจทก์ร่วมก็ยินยอมเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้
การที่จำเลยเข้าอยู่ในอาคารพิพาทโดยมิได้เช่าจากโจทก์ร่วมและเข้าอยู่โดยไม่มีสิทธิอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ร่วม โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวให้จำเลยออกจากอาคารพิพาทก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 566