คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิดอำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 150 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษละเมิดอำนาจศาล และสิทธิในการฎีกาของผู้ไม่เสียหาย
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหาจึงเท่ากับให้ยกคำร้องของทนายจำเลยที่ขอให้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จำเลยหรือทนายจำเลยย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การยื่นฎีกาที่มีเนื้อหาดูหมิ่นและท้าทายอำนาจศาลยุติธรรม
การที่โจทก์ทั้งสองนำเรื่องราวกล่าวโทษผู้พิพากษาซึ่งมีข้อความก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลมารวมเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาและลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียงร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ทั้งสองนั้น แสดงว่าโจทก์ทั้งสองมีเจตนาให้ข้อความที่ฎีกานั้นปรากฏต่อศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้นจึงสมเจตนาของโจทก์ทั้งสอง การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหายื่นฎีกาดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกาของโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัดไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่ศาลลงโทษไปโดยไม่สั่งให้โจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาแก้ไขถ้อยคำเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว เมื่อฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยชัดเจนอยู่แล้ว ข้อความที่กล่าวไว้ในฎีกาว่าพร้อมจะแก้ไขถ้อยคำใด ๆ ตามคำสั่งศาลทุกประการนั้น ถูกลบล้างโดยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเองโดยสิ้นเชิง จะฟังว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การยื่นฎีกามีเนื้อหาดูหมิ่นศาล แม้จะอ้างไม่ทราบก็ไม่ช่วย เหตุท้าทายอำนาจศาลยุติธรรม
ข้อความในฎีกาของโจทก์ทั้งสองและสำเนาคำร้องเรียนเอกสารท้ายฎีกาซึ่งแนบมากับฎีกาอันเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ได้ระบุชื่อผู้พิพากษาอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งด้วย มีลักษณะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาล เมื่อโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียงและผู้ถูกกล่าวหาได้นำมายื่นต่อศาลชั้นต้น การกระทำของโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาย่อมเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: ฎีกาเนื้อหาดูหมิ่น ก้าวร้าว เสียดสีศาล ผู้ลงนามและผู้ยื่นฎีกามีความผิด
ข้อความตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองและสำเนาคำร้องเรียนถึงบุคคลต่าง ๆ แนบท้ายฎีกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ระบุข้อความสำคัญอันมีลักษณะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลอย่างรุนแรง เมื่อโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นทนายความได้ร่วมกันลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียง โดยให้ผู้ถูกกล่าวหานำมายื่นต่อศาลชั้นต้น การกระทำของโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกามีลักษณะท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัด ไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ศาลชั้นต้นลงโทษโดยไม่สั่งให้แก้ไขเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3818/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการกล่าวหาผู้พิพากษาที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
คำร้องคัดค้านผู้พิพากษาขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิโดยชอบ และกรณีความจำเป็นจะต้องกล่าวถึงข้อมูลตามความจริงที่ปรากฏขึ้นในคดีนั้น แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความในคำร้องว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนผู้พิจารณาคดีนี้ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่เป็นกลางอย่างเที่ยงธรรมแก่คู่ความทุกฝ่ายโดยเฉพาะไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์โดยทุจริตธรรมเพราะมีอคติต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายอันมีสภาพร้ายแรง ทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป ฯลฯ ไม่รับบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อันดับ 2 และ 3 ของโจทก์ด้วยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ ซึ่งตามทางไต่สวนก็ปรากฏเพียงว่า เดิมศาลสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ไว้แล้ว ต่อมา 2 - 3 วัน ศาลได้แก้ไขคำสั่งเดิมและสั่งใหม่เป็นไม่รับบัญชีพยานอันดับ 2 และ 3 การแก้ไขคำสั่งจึงไม่มีเหตุอันมีสภาพร้ายแรงดังที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้อง และผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความเกินไปจากความจริงหายผู้ถูกกล่าวหาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวก็สามารถโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ตามกระบวนพิจารณา การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความดังกล่าว จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
โทษที่จะรอการลงโทษได้นั้น ต้องเป็นโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จะรอการลงโทษกักขังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องเท็จเพื่อขอคืนหลักประกันการประกันตัว ละเมิดอำนาจศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน โดย ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ขอคัดหมายกักขังจำเลย และเป็นผู้ประกันตัวจำเลยไปในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาย่อมทราบดีว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในสถานใด การที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันและรับหลักประกันคืนโดยมิได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาล และศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษา อ้างว่าศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี โทษจำรอ ผู้ถูกกล่าวหาหมดข้อผูกพันตามสัญญาประกันอันเป็นเท็จ จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ศาลฎีกาย่อมปรับบทเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอถอนหลักประกันด้วยเจตนาทุจริต ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูก กล่าวหาเป็นผู้ประกันตัวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ในระหว่าง การพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกัน และรับหลักประกันคืนโดยอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 1ปี โทษจำรอในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันนั้นผู้ถูกกล่าวหามิได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาลและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลย อันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน ฉะนั้นการที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันคืน โดยอ้างเหตุขอคืนอันเป็นเท็จ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทราบความจริงอยู่แล้วหาใช่ผู้ถูกกล่าวหาเขียนคำร้องในส่วนที่เกี่ยวกับข้ออ้างขอถอนหลักประกันผิดพลาดไปแต่อย่างใดไม่ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาลจากคำร้องเท็จ ผู้ประกันภัยยื่นขอถอนหลักประกันโดยมิชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ขอคัดหมายกักขังจำเลยและเป็นผู้ประกันตัวจำเลยไปในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาย่อมทราบดีว่าศาลพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในสถานใด การที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันและรับหลักประกันคืนอ้างว่าศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี โทษจำคุกให้รอ ผู้ถูกกล่าวหาจึงหมดข้อผูกพันตามสัญญาประกันซึ่งเป็นความเท็จ โดยมิได้นำจำเลยส่งมอบต่อศาลและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษานั้น เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษผู้ถูกกล่าวหาศาลฎีกาปรับบทให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องเท็จเพื่อขอถอนหลักประกันคดีอาญา ถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ละเมิดอำนาจศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน โดย ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ขอคัดหมายกักขังจำเลย และเป็นผู้ประกันตัวจำเลยไปในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาย่อมทราบดีว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในสถานใด การที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอน หลักประกันและรับหลักประกันคืนโดยมิได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาล และศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษา อ้างว่าศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี โทษจำรอ ผู้ถูกกล่าวหาหมดข้อผูกพันตามสัญญาประกันอันเป็นเท็จ จึงเป็นการประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษผู้ถูกกล่าวหาศาลฎีกาย่อมปรับบทเสียให้ถูกต้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดอำนาจศาล: ผู้เรียงคำร้องต้องรับผิดชอบเนื้อหา แม้ทนายไม่ได้ตรวจ และการถอนคำร้องไม่ลบล้างความผิด
โจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์คำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาลย่อมตระหนักในข้อความตามคำร้องเป็นอย่างดี จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามเนื้อความในคำร้อง การที่ทนายความของโจทก์ไม่ได้ตรวจคำร้องก่อนที่โจทก์จะนำมายื่นต่อศาลไม่เป็นเหตุที่ยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ และไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องผิดพลาดและผิดหลง
การที่โจทก์ขอถอนคำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาล หาทำให้ข้อความตามคำร้องที่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหมดไปโดยการถอนคำร้องไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ไม่ได้บัญญัติว่าความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจะต้องเป็นกรณีที่ศาลเตือนแล้วจึงจะถือว่ามีเจตนาละเมิดอำนาจศาล
of 15