คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลยกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องล้มละลายซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากประเด็นพิพาทซ้ำกับคดีก่อนและไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ยังมีที่ดินอยู่ 1 แปลงจำเลยที่ 2 ไม่ได้โอนขายที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว และโจทก์ไม่ได้นำสืบถึงราคาที่ดินแปลงดังกล่าวว่ามีราคามากกว่าหรือน้อยกว่าจำนวนหนี้ที่จำเลยทั้งสองยังค้างชำระแก่โจทก์ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว และคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์นำมูลหนี้จำนวนเดิมกลับมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีล้มละลายอีกเมื่อคดีทั้งสองมีคู่ความเดียวกันและประเด็นพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่า จำเลยที่ 2 ได้โอนขายที่ดินแปลงเดียวกันแก่บุคคลภายนอกไปแล้วหรือไม่ และจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์สัญชาติ: พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลยกฟ้อง
เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย แต่จำเลยโต้แย้งว่า โจทก์เป็นคนต่างด้าวและให้คืนบัตรประจำตัวประชาชนแก่จำเลย โจทก์จึงต้องมีภาระการพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์สัญชาติไทย: พยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ศาลยกฟ้อง
เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย แต่จำเลยโต้แย้งว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวและให้คืนบัตรประจำตัวประชาชนแก่จำเลยโจทก์จึงต้องมีภาระการพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุไฟไหม้รถแทรกเตอร์: ศาลยกฟ้องข้อหาประมาท เพราะเหตุเกิดจากอุบัติเหตุทางเครื่องยนต์
จำเลยขับรถแทรกเตอร์ไถเกรดหญ้าไปได้ 1 รอบครึ่งเครื่องยนต์เกิดขัดข้องและดับลง จำเลยสตาร์ต เครื่องยนต์จึงเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่เครื่องยนต์ก่อน แล้วลามไหม้ตัวรถแทรกเตอร์และไหม้สวนยางพาราของผู้เสียหาย เหตุไฟไหม้เครื่องยนต์น่าจะเป็นอุบัติเหตุ เพราะปกติธรรมดาแล้วการสตาร์ต เครื่องยนต์ก็เพื่อให้เครื่องยนต์ติดไม่ใช่เหตุที่ต้องเกิดไฟลุกไหม้เครื่องยนต์เป็นปกติธรรมดา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมซ้ำ โดยอาศัยเหตุผลและเอกสารหลักฐานเดิม ศาลยกฟ้อง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนคดีถึงที่สุดแล้วโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาล โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีก เป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5624/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ทรัพย์พิพาทเป็นของใคร? ศาลยกฟ้องเมื่อประเด็นเคยถูกวินิจฉัยแล้ว
คดีก่อนมีประเด็นว่า พินัยกรรมที่ น. ทำขึ้นสมบูรณ์หรือไม่และทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง (โจทก์ในคดีก่อน) หรือเป็นของข. (จำเลยในคดีก่อน) ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในคดีก่อนว่าพินัยกรรมดังกล่าวทำขึ้นโดยชอบ และทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง(โจทก์ในคดีก่อน) คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ทั้งสามในฐานะผู้สืบสิทธิของ ข. (จำเลยในคดีก่อน) จะกลับมาฟ้องใหม่ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของภริยาเดิมของ น.ซึ่งเป็นมรดกตกทอดแก่ ข.มารดาของโจทก์ทั้งสามเมื่อ ข.ถึงแก่ความตายทรัพย์พิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ทั้งสามย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เพราะประเด็นในคดีก่อนและคดีหลังก็คือทรัพย์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของใคร ฟ้องโจทก์ทั้งสามจึงเป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5558/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีอาญา และการฟ้องเท็จ แม้ศาลยกฟ้อง ก็เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จได้
เมื่อศาลมิได้หยิบยกเอาคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ในคดีก่อนมาวินิจฉัยหากแต่วินิจฉัยถึงพยานหลักฐานอื่นแล้วเชื่อว่าจำเลยที่ 1ในคดีดังกล่าวกระทำผิดจริง คำเบิกความของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดี ในคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องหาว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลยที่ 1แม้ศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และโจทก์ยังไม่ได้อยู่ในฐานะจำเลย แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำความเท็จมาฟ้องและเบิกความเท็จว่าโจทก์ได้ลักเอาทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไป อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานลักทรัพย์ โดยจำเลยที่ 1 รู้อยู่แล้วว่าข้อความตามฟ้องและที่เบิกความนั้นเป็นเท็จจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ จำเลยเบิกความในฐานะพยานอันเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลย หากคำเบิกความของจำเลยเป็นความเท็จ จำเลยจะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาตามยอมและการฟ้องเพิกถอน ศาลมีอำนาจยกฟ้องหากคำขอไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น ซึ่งตามกฎหมายคำพิพากษาของศาลจะเพิกถอนไม่ได้ เว้นแต่จะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข กลับ หรืองดเสีย โดยคำพิพากษาของศาลในลำดับที่สูงกว่าเมื่อคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาในข้อที่ไม่อาจจะพิพากษาให้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายเช่นนี้ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องและคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งหมดจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3941/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดในคดีภาษีอากร ทำให้สืบพยานหลักฐานไม่ได้ ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางนัดชี้สองสถานวันที่ 14 ธันวาคม 2532โจทก์ได้ทราบล่วงหน้าถึงกำหนดวันนัดชี้สองสถานเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเศษ แต่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 วรรคแรก โจทก์มายื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 โดยอ้างเหตุว่า จำวันที่ที่ศาลนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไปและเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุพยาน ดังนี้ข้ออ้างที่ว่าจำวันที่ที่ศาลนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไป เป็นข้อที่ใคร ๆ ก็อ้างขึ้นมาได้ จึงมิใช่ข้อแก้ตัวอันสมควรแก่เรื่องส่วนข้ออ้างที่ว่าเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุ ก็ปรากฏว่าตามลักษณะของพยานเอกสารที่อ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์รู้อยู่แล้วว่ามีพยานเอกสารนั้น ๆ อยู่ ข้ออ้างของโจทก์ส่วนนี้จึงไม่ตรงต่อความเป็นจริง ดังนั้น ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ จึงมิใช่เหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาแห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรได้ จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบ จำเลยให้การปฏิเสธ หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 พยานหลักฐานที่โจทก์จะนำสืบย่อมต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ถือได้ว่าโจทก์ไม่อาจสืบพยานหลักฐานได้สมดังคำฟ้อง ศาลภาษีอากรกลางสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ คำเบิกความของผู้เสียหายที่ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงและพฤติการณ์แห่งคดีถือเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้
ชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การเพียงว่าจำหน้าคนร้ายได้เท่านั้นโดยไม่ได้ระบุว่าคนร้ายนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร เป็นการให้การลอย ๆ ชั้นพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าจำคนร้ายไม่ได้ แม้ผู้เสียหายจะถูกดำเนินคดีฐานเบิกความเท็จ และผู้เสียหายให้การรับสารภาพ คดีถึงที่สุดไปแล้วก็ตาม ก็จะนำมายืนยันในคดีนี้ว่าคำเบิกความของผู้เสียหายเป็นการเบิกความเท็จด้วยไม่ได้เพราะขัดต่อข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดี เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดพอที่จะให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณา ยังไม่เพียงพอฟังลงโทษจำเลยได้
of 28