คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอนุญาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 201 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องและการฟ้องแย้ง: ศาลอนุญาตถอนฟ้องได้หากไม่มีผลทำให้คู่ความเสียเปรียบ แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องได้ในภายหลัง
แม้หากศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจนเสร็จสำนวนจะต้องพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ถูกต้องก็ตาม แต่การพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยเหตุดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับประเด็นในเนื้อหาแห่งคดี จึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้คู่ความรื้อร้องฟ้องกันอีก ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงหามีผลทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีไม่และเมื่อการอนุญาตให้ถอนฟ้องมีเหตุอันสมควร ฟ้องแย้งย่อมตกไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5272/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบ แต่มีการแต่งตั้งทนายและศาลอนุญาตแก้ไขได้ ถือว่าการยื่นคำให้การชอบแล้ว
จำเลยเป็นผู้นำคำให้การซึ่งทนายจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำให้การและในฐานะผู้เรียงและพิมพ์ไว้มายื่นต่อศาล โดยไม่มีใบแต่งทนายความลงลายมือชื่อจำเลยและทนายจำเลยมายื่นต่อศาล ภายในกำหนดเวลายื่นคำให้การ ทนายจำเลยพึ่งยื่นคำร้องแจ้งเหตุบกพร่องต่อศาล พร้อมกับยื่นใบแต่งทนายความภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นคำให้การแล้ว แต่ศาลชั้นต้นก็สั่งรับใบแต่งทนายความไว้พฤติการณ์ดังกล่าวกระทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยได้ตั้งแต่ง ทนายจำเลยในคดีนี้ไว้แล้วจริง แม้ใบแต่งทนายความไม่ได้ยื่นต่อศาลในวันที่จำเลยนำคำให้การมายื่น ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้เป็นการถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้งทนายจำเลยในวันที่ยื่นใบแต่งทนายความแล้วจึงถือว่าจำเลยได้ยื่นคำให้การไว้โดยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5242/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลอนุญาตขายตามขั้นตอนถูกต้อง แม้ไม่มีการนับหนึ่งถึงสามก่อนเคาะไม้
การขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาททุกครั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้เข้าประมูลสู้ราคาทราบก่อนขายทอดตลาดว่าเมื่อมีผู้ให้ราคาสูงสุดแล้วจะนับหนึ่งถึงสามก่อนเคาะไม้ตกลงขายแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีใช้วิธีเสนอให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้อนุญาตให้ขาย เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายจึงตกลงขายให้ หากศาลชั้นต้นไม่อนุญาตก็จะประกาศขายทอดตลาดใหม่ ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายทรัพย์สินพิพาทให้แก่โจทก์ผู้ให้ราคาสูงสุดแล้ว การขายทอดตลาดย่อมบริบูรณ์ ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษา เมื่อมีผู้ให้ราคาสูงสุดก็ได้รายงานศาลเพื่อให้พิจารณาว่า สมควรขายให้แก่ผู้ให้ราคาสูงสุดหรือไม่ เมื่อไม่มีพฤติการณ์ส่อให้ศาลเห็นว่าการประมูลซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดรายนี้ เป็นการสมรู้กันกดราคาซื้อจึงมีคำสั่งอนุญาตขายให้แก่ผู้ให้ราคาสูงสุด ถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์แล้ว จำเลยที่ 2 จะมาขอให้ยกเลิกการขายและขายทอดตลาดใหม่ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201-3205/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างต้องได้รับอนุญาตจากศาล และมีผลเมื่อศาลมีคำพิพากษา การคำนวณค่าชดเชยต้องรวมค่าครองชีพ
นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานก่อน และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วนายจ้างจะต้องมีคำสั่งเลิกจ้างอีกครั้งหนึ่ง คดีนี้หลังจากศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยไม่ได้มีคำสั่งเลิกจ้างแต่ โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องว่าเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำสั่งศาลแรงงานกลางที่อนุญาตให้เลิกจ้างโจทก์แล้ว โจทก์ยังคงมีนิติสัมพันธ์อยู่กับจำเลยอย่างเดิมจนถึงวันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา เท่ากับโจทก์ยอมรับว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ในวันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ต้องถือว่าการเลิกจ้างมีผลนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลแรงงานกลาง โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำรายเดือนจึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างในอัตราเดิมนับแต่วันที่จำเลยหยุดดำเนินกิจการตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้แปรรูปองค์การจำเลยจนถึงวันที่มีคำพิพากษาศาลฎีกา อันเป็นช่ วงเวลาที่โจทก์ไม่ได้ทำงานโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์และจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยกับเงินบำเหน็จโดยจะต้องนำค่าครองชีพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างมารวมเป็นฐานคำนวณให้แก่โจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานหลักฐานเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายที่ดิน: ศาลอนุญาตได้หากไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์มอบอำนาจให้สามีโจทก์เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนประกอบกับสามีโจทก์เบิกความรับรองว่ายินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีถือได้ว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนอนาถาใช้เป็นบัญชีพยานในชั้นพิจารณาได้หากไม่มีข้อจำกัด, ศาลควรอนุญาตพยานเพิ่มเติมหากมีเหตุสมควร
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยโจทก์ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น แสดงว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาคดี ซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรแล้ว.
เมื่อคำร้องของโจทก์ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมแสดงเหตุอันสมควรได้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ขออนุญาตอ้างเพิ่มเติมภายหลังวันชี้สองสถานโจทก์เพิ่งทราบที่อยู่และข้อเท็จจริงจากพยานของโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ศาลควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานและการอนุญาตให้ยื่นเพิ่มเติมภายหลัง หากมีเหตุสมควร
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยโจทก์ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น แสดงว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าว เป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรแล้ว เมื่อคำร้องของโจทก์ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมแสดงเหตุอันสมควรได้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ขออนุญาตอ้างเพิ่มเติมภายหลังวันชี้สองสถาน โจทก์เพิ่งทราบที่อยู่และข้อเท็จจริงจากพยานของโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ศาลควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4661/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะนิติบุคคลของโจทก์และการมอบอำนาจฟ้องคดี ศาลอนุญาตแก้ไขเอกสารท้ายฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด แม้โจทก์จะแนบเอกสารท้ายฟ้องอันแสดงถึงการเป็นนิติบุคคลของโจทก์โดยแนบสำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคลอื่นอันเป็นเรื่องที่โจทก์แนบมาผิดพลาดการแนบเอกสารท้ายฟ้องก็เป็นเพียงเพื่อให้ชัดเจนถึงฐานะของโจทก์ ไม่ใช่หลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี ทั้งจำเลยก็เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์มาก่อนและยังให้การยอมรับเช่นนั้น ย่อมเป็นการยอมรับว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลแล้ว การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับการเป็นนิติบุคคลของโจทก์โดยแนบหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของโจทก์ฉบับที่ถูกต้องภายหลังที่โจทก์ได้สืบพยานไปแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องดังกล่าวได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลมาแต่ต้นการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายและโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4158/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานคดีแรงงาน: ศาลอนุญาตให้จำเลยสืบพยานได้ แม้ไม่ได้ถามค้านโจทก์ก่อน เนื่องจากต้องการข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์
การสืบพยานในคดีแรงงานแตกต่างจากคดีแพ่งสามัญพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 45 วรรคสอง บัญญัติว่า "ในการสืบพยานไม่ว่าจะเป็นพยานที่คู่ความฝ่ายใดอ้างหรือที่ศาลแรงงานเรียกมาเอง ให้ศาลแรงงานเป็นผู้ซักถามพยานตัวความหรือทนายความจะซักถามพยานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน" ฉะนั้น การที่จำเลยนำสืบพยานบุคคลในภายหลังว่าโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยเรียกร้องเงินจากคนงานที่จะทำงานกับจำเลยอันเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุเลิกจ้าง โดยจำเลยมิได้ถามค้านโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายที่นำสืบก่อนในข้อนี้ไว้ ถือได้ว่าศาลแรงงานอนุญาตแล้ว เพราะศาลแรงงานต้องการได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์และให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 มาใช้บังคับในการพิจารณาคดีแรงงานไม่ได้ ศาลแรงงานย่อมรับฟังคำพยานจำเลยดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องเวลา ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ได้หากมิได้จงใจ
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง แสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์แต่ผิดเวลาไป คือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา และขอพิจารณาคดีใหม่ได้
จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย
of 21