พบผลลัพธ์ทั้งหมด 139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2878/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับจากสัญญาซื้อขาย: ดอกเบี้ยร้อยละ 24 ต่อปี ไม่ขัดกฎหมายห้ามดอกเบี้ยเกินอัตรา ศาลมีอำนาจลดเบี้ยปรับได้
สัญญาซื้อขายสินค้ามีข้อตกลงว่า หากจำเลยผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าสินค้า จำเลยยอมชำระดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือร้อยละ 24 ต่อปี เมื่อมิใช่สัญญากู้ยืมเงิน จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 จึงมีผลใช้บังคับได้ แต่ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นการทำสัญญากำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าเสมือนเบี้ยปรับ ซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงได้ตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาซื้อขายสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
ข้อเท็จจริงที่ว่าการผิดนัดของโจทก์ทำให้จำเลยเสียหายไม่ได้ใช้ทรัพย์ที่ซื้อจากโจทก์ออกใช้ประโยชน์ ซึ่งหากคิดรายได้เพียงวันละ 9 ชั่วโมง จำเลยจะมีรายได้วันละ 30,937.50 บาท มากกว่าค่าปรับที่จำเลยคิดจากโจทก์ตามสัญญา จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาเนื่องจากไม่ได้สืบพยานโจทก์และจำเลยในศาลชั้นต้น โจทก์จึงไม่มีโอกาสถามค้านได้ ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ค่าปรับตามสัญญาซื้อขายเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่ง ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ถ้าหากสูงเกินส่วน เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3710/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานในคดีเช็ค: ศาลมีอำนาจหากข้อเท็จจริงเพียงพอ & การยกข้อต่อสู้ความผูกพันเฉพาะบุคคล
ถ้าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ก็ไม่จำต้องนำสืบพยานหลักฐานใดอีก ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานได้ เพื่อให้คดี ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยนำเช็คตามฟ้องไปขอแลกเงินสดจากโจทก์และจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยรับเงินใด ๆ จากโจทก์ โจทก์มิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ความจริงจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์และได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้วคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวว่าโจทก์สมคบกับบุคคลใดฉ้อฉลจำเลย แม้พิเคราะห์คำให้การของจำเลยรวมกันทั้งหมดแล้ว ก็ไม่อาจแปลความหมายได้ว่าโจทก์สมคบกับบุคคลอื่นฉ้อฉลจำเลย จำเลยให้การว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์ และได้ชำระเงินให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้ว เท่ากับจำเลยยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนคบคิดกันฉ้อฉลแล้วจำเลยย่อมถูกต้องห้ามมิให้นำสืบว่าตนไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นดังที่จำเลยให้การต่อสู้จำเลยก็ยังมีหน้าที่ต้องชำระตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ คำให้การจำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่า โจทก์ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนคดีสืบพยานสำคัญ และการชี้ขาดประเด็นแห่งคดีโดยพยานผู้จัดทำเอกสารสัญญาจ้าง
ทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าพยานลำดับที่ 3 ป่วย และพยานลำดับที่ 6 ติดธุระไม่สามารถมาศาลได้และพยานทั้งสองปากเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับการทำสัญญาจ้าง ทนายโจทก์มิได้คัดค้านว่าพยานมิได้ป่วยและไม่ติดธุระทั้งมิได้คัดค้านว่าคำแถลงขอเลื่อนคดีไม่เป็นความจริง หากศาลไม่เชื่อควรจะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนทั้งพยานของจำเลยที่ 1 เป็นพยานสำคัญที่จะชี้ขาดประเด็นแห่งคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรให้จำเลยที่ 1 นำพยานเข้าสืบการไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยที่ 1 หมดพยานจึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการยึดทรัพย์เพื่อบรรเทาความเสียหายของผู้ร้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ที่ดินที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยนำยึดและอายัด ผู้ร้องมีภาระที่จะต้องจัดสรรขายและทำนิติกรรมให้แก่ผู้อื่น หากไม่เพิกถอนการยึด ผู้ร้องและบุคคลภายนอกย่อมได้รับความเสียหาย และสมุดเงินฝากธนาคารที่ผู้ร้องเสนอเพื่อนำมาวางเป็นประกัน และจะนำมาทำสัญญาค้ำประกันต่อศาล ก็มีจำนวนเงินมากกว่าราคาที่ดินที่พิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้เฉพาะส่วนที่จำเลยมีสิทธิได้รับ และโจทก์สามารถยึดชำระหนี้ได้เมื่อผู้ร้องแพ้คดี นอกจากนี้ห้าง บ.ได้นำเงินที่จำเลยมีสิทธิเรียกร้องส่งศาลเป็นประจำทุกเดือนตามที่ผู้ร้องกับโจทก์ได้ตกลงกัน โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย และแม้จะมีการเพิกถอนการยึดและอายัดแล้ว ศาลก็ยังคงพิจารณาไต่สวนเรื่องการร้องขอปล่อยทรัพย์ต่อไป หาทำให้เหตุพิพาทในเรื่องร้องขัดทรัพย์ที่ผู้ร้องร้องหมดไปไม่ศาลจึงชอบที่จะสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์พิพาท ทั้งนี้ โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง ซึ่งเป็นการสั่งโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6035/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องคดี และการฟ้องคดีเกี่ยวกับการบังคับคดีต้องยื่นเป็นคำร้อง ไม่ใช่ฟ้องคดีใหม่
การที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ มาตรา 175 วรรคสองแห่งป.วิ.พ. กำหนดให้เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิจารณาจากความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์และผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่าย ปรากฏว่านอกจากฟ้องคดีนี้แล้วโจทก์ยังยื่นคำร้องขอให้ห้ามจำเลยและเจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทและศาลได้ไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องโดยให้เหตุผลว่าประสงค์ที่ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ใหม่จึงอาจทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องชอบแล้ว โจทก์เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีแพ่งรวมสองสำนวนเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความกับขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ในคดีดังกล่าว จึงเป็นการฟ้องคดีที่มีคำขอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีทั้งสอง ดังนั้น โจทก์ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องในคดีดังกล่าว จะยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดค่าปรับสัญญาก่อสร้าง: ศาลมีอำนาจลดค่าปรับหากสูงเกินส่วน แม้โจทก์มิได้ขอ
โจทก์ผิดสัญญาก่อสร้างส่งมอบงานแก่จำเลยล่าช้าเกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาจนถูกจำเลยปรับตามสัญญา แม้โจทก์ฟ้องเรียกค่าปรับคืนโดยอ้างว่ามิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและมิได้ขอให้ศาลลดค่าปรับ ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ผิดสัญญา แต่ค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายที่แท้จริงแล้วสูงเกินไปศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดค่าปรับลงแล้วคืนให้โจทก์บางส่วนได้ไม่ใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอและไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด และการพิจารณาความเหมาะสมในการดูแลบุตร
จำเลยมีเวลายื่นบัญชีระบุพยานได้นับแต่วันชี้สองสถาน ถึงวันที่มีการสืบพยานโจทก์เป็นระยะเวลาเกือบ 8 เดือน แต่จำเลยไม่ยื่นเพิ่งจะมายื่นบัญชีระบุพยานเมื่อพ้นวันสืบพยานโจทก์นัดแรกแล้ว6 วัน อ้างว่ามิได้จงใจ เป็นความพลั้งเผลอของเสมียนทนายจำเลยข้ออ้างของจำเลยปราศจากเหตุผลไม่อาจรับฟังได้ ดังนี้ ไม่มีเหตุสมควรที่จะรับบัญชีระบุพยานของจำเลย หลังจากจำเลยหย่าร้างกับโจทก์แล้ว จำเลยนำภริยาเก่าและบุตรซึ่งเกิดจากภรรยาเก่ามาอยู่ร่วมด้วย จำเลยชอบดื่ม สุราและกลับบ้านดึกเป็นประจำ ส่วนโจทก์ยังไม่ได้สมรสใหม่ หลังจากโจทก์จำเลยแยกกันอยู่แล้วโจทก์พาบุตรผู้เยาว์ไปอุปการะเลี้ยงดูตามลำพัง บุตรผู้เยาว์ได้รับความอบอุ่นและใกล้ชิดกับโจทก์ซึ่งเป็นมารดา โดยโจทก์ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ในการปกครองบุตรผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายแต่อย่างใด เมื่อคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของบุตรผู้เยาว์ที่จะได้รับต่อไปในอนาคตแล้วการให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ต่อไปย่อมมีความเหมาะสมยิ่งกว่าให้ไปอยู่ในความปกครองของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5208/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะเป็นหนี้เงินที่ต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด แม้ศาลกำหนดเป็นเงินก้อน
ในกรณีที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายและโจทก์ต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย เมื่อศาลใช้ดุลพินิจกำหนดจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนเพื่อการขาดไร้อุปการะเป็นกำหนดเวลาแน่นอน และคำนวณเป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่งให้จำเลยชำระให้แก่โจทก์แล้ว หนี้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวไม่ใช่หนี้ในอนาคต แต่เป็นหนี้เงินที่จำเลยจะต้องชำระทันที จึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5022/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงความสุจริตและประโยชน์สูงสุดของกองมรดก แม้ไม่มีผู้คัดค้าน
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ถึงแม้ไม่มีผู้คัดค้านคำร้องของผู้ร้อง และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ก็ตามแต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องไม่มีความสุจริตใจในการรักษาผลประโยชน์ในทรัพย์สินให้แก่ผู้รับพินัย กรรมของเจ้ามรดก จึงไม่เหมาะสมที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้อง