พบผลลัพธ์ทั้งหมด 90 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่มีข้อความเพิ่มเติมถึงการขายที่ดิน ไม่ถือเป็นสัญญาจะซื้อขาย หากไม่มีเจตนาผูกพันโดยตรง
ทำสัญญากู้เงินและมอบโฉนดไว้เป็นประกันโดยมีข้อความเพิ่มเติมไว้ด้วยว่าที่ดินแปลงนี้จะขายให้แก่ผู้ให้กู้จะไม่ขายให้ใครภายใน 3 ปี ตามราคาสองหมื่นบาท เมื่อถึงราคาสองหมื่นบาทจึงจะขาย จึงจะโอนให้ ดังนี้ เป็นเรื่องกู้เงินเท่านั้น ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาจะขายเป็นเพียงคำปรารภของผู้กู้ฝ่ายเดียว มิใช่มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์จึงไม่ใช่คำมั่นหรือสัญญาจะขายที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีสัญญากู้เงิน และการนำสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับสาเหตุการทำสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินไปก่อนจำเลยให้การโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า กรณีเดิมสามีและบุตรเขยจำเลยกู้เงินโจทก์ แล้วจำเลยทำสัญญารับใช้หนี้ให้ โจทก์แก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 179 (2) เพราะเป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่จำเลยทำสัญญากู้ให้
เมื่อจำเลยให้การแก้ข้อหาในคำร้องเพิ่มเติมฟ้อง จำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ข้อนี้ไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ดังนั้นแล้ว แม้สัญญาที่นำมาฟ้องจะบอกชัดว่าเป็นสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยและว่าได้รับเงินไปแล้วแต่วันทำสัญญา โจทก์ก็นำสืบได้ว่าไม่มีการรับเงินเนื่องจากกรณีเดิมสามีกับบุตรเขยโจทก์กู้ไป ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ โดยมีพยาน 2 คน โจทก์ไม่จำต้องนำพยานเหล่านั้นมาสืบทุกคน
เมื่อจำเลยให้การแก้ข้อหาในคำร้องเพิ่มเติมฟ้อง จำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ข้อนี้ไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ดังนั้นแล้ว แม้สัญญาที่นำมาฟ้องจะบอกชัดว่าเป็นสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยและว่าได้รับเงินไปแล้วแต่วันทำสัญญา โจทก์ก็นำสืบได้ว่าไม่มีการรับเงินเนื่องจากกรณีเดิมสามีกับบุตรเขยโจทก์กู้ไป ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ โดยมีพยาน 2 คน โจทก์ไม่จำต้องนำพยานเหล่านั้นมาสืบทุกคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในคดีสัญญากู้เงิน: เหตุผลการรับรองหนี้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินไป ก่อนจำเลยให้การโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า กรณีเดิมสามีและบุตรเขยจำเลยกู้เงินโจทก์แล้วจำเลยทำสัญญารับใช้หนี้ให้โจทก์ ดังนี้ แก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(2) เพราะเป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่จำเลยทำสัญญากู้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการบอกล้างสัญญากู้เงินโดยสามีต่อภรรยา และการสืบพยานขัดแย้งเอกสาร
ภรรยาทำสัญญากู้เงินของเขามาและสามีได้บอกล้างสัญญาแล้ว แม้การบอกล้างของสามีจะเป็นผลทำให้สัญญานั้นตกเป็นโมฆะได้ก็แต่เฉพาะเพียงเท่าที่ผูกพันสินบริคณฑ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 38 เท่านั้น หาได้กระทำให้ตกเป็นโมฆะทั้งหมดไม่ เพราะหญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ทำขึ้นจึงยังสมบูรณ์ผูกพันในทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาตาม มาตรา 37 ประกอบด้วย มาตรา 1479 ผู้ให้กู้ก็มีสิทธิที่จะบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนของภรรยาได้
จำเลยรับว่า ได้ลงชื่อในใบยืนเงินไว้ในฐานะผู้กู้แล้วจะขอสืบข้อเท็จจริงว่า ที่จำเลยลงชื่อไว้นั้น ได้ลงในฐานผู้ค้ำประกันไม่ได้ เป็นการสืบเถียงฝ่าฝืนเอกสารท้ายฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
จำเลยรับว่า ได้ลงชื่อในใบยืนเงินไว้ในฐานะผู้กู้แล้วจะขอสืบข้อเท็จจริงว่า ที่จำเลยลงชื่อไว้นั้น ได้ลงในฐานผู้ค้ำประกันไม่ได้ เป็นการสืบเถียงฝ่าฝืนเอกสารท้ายฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยอ้างถูกหลอกให้ลงนามในสัญญากู้เงิน มีหน้าที่นำสืบก่อน
ตามฟ้องและคำให้การ ฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เจตนาลวงจำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้ เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนตามคำกล่าวแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องสัญญาซื้อฝากและสัญญากู้เงิน: ศาลอนุญาตให้สืบพยานได้หากมูลหนี้เป็นไปได้
โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์ได้ขายฝากที่นาไว้กับจำเลยแต่มีเงินให้ไม่ครบ จำเลยจึงทำเป็นหนังสือสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้ขอให้ใช้เงินศาลจะสั่งให้งดสืบพยานโจทก์เสียหาชอบไม่เพราะมูลหนี้ตามฟ้องย่อมเป็นไปได้ไม่เป็นการฝืนความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงิน: การนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิม และหลักฐานการชำระหนี้
สัญญากู้มีข้อความว่า 'ข้าพเจ้าได้กู้เงินของท่านไปจำนวน 2500 บาทและได้รับเงินนี้ไปเสร็จแล้วแต่ในวันทำสัญญานี้' ดังนี้ ผู้กู้จะขอนำสืบว่าไม่ได้รับเงิน ก็เท่ากับเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคต้น(ข)
จำเลยต่อสู้ว่า เหตุที่ทำสัญญากู้นี้ขึ้น ก็เนื่องจากโจทก์ออกเงินซื้อเป็ดให้จำเลยเลี้ยง ตกลงแบ่งผลประโยชน์กัน ตีราคาเป็ดเท่าจำนวนเงินที่ลงไว้ในสัญญากู้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยฉ้อโกง จึงให้ทำสัญญากู้ไว้ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยยอมตนเข้าผูกพันตามสัญญากู้โดยสมัครใจเนื่องจากมีมูลหนี้ต่อกันมาก่อนแล้ว สัญญากู้นั้นจึงสมบูรณ์
จำเลยต่อสู้ว่า เหตุที่ทำสัญญากู้นี้ขึ้น ก็เนื่องจากโจทก์ออกเงินซื้อเป็ดให้จำเลยเลี้ยง ตกลงแบ่งผลประโยชน์กัน ตีราคาเป็ดเท่าจำนวนเงินที่ลงไว้ในสัญญากู้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยฉ้อโกง จึงให้ทำสัญญากู้ไว้ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยยอมตนเข้าผูกพันตามสัญญากู้โดยสมัครใจเนื่องจากมีมูลหนี้ต่อกันมาก่อนแล้ว สัญญากู้นั้นจึงสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่มีข้อตกลงให้ใช้พื้นที่ค้าขายไม่ถือเป็นการอาศัย แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่คุ้มครองจำเลย
ทำสัญญากู้เงินกัน ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้เข้ามาทำการค้าขายในร้าน ซึ่งผู้กู้ได้เช่าอยู่ก่อนนั้นตลอดไปหรือจนกว่าผู้ให้กู้จะออกไป และเมื่อผู้ให้กู้ไปจากร้านนี้เมื่อใด ผู้กู้จะส่งเงินที่กู้ไปให้แก่ผู้ให้กู้ครบจำนวนที่กู้ทันที ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ตราบใดที่สัญญานี้ยังไม่เลิก และผู้ให้กู้ไม่ได้ทำผิดสัญญาแล้ว ผู้กู้ก็ไม่มีเหตุอะไรจะฟ้องขับไล่ผู้ให้กู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้: เงื่อนไขการขาดกันในสัญญากู้เงินเป็นโมฆะ หากมิได้ตกลงให้โอนกรรมสิทธิ์
ทำสัญญากู้เงินแล้วมอบที่ดินให้ยึดถือไว้เป็นประกันในสัญญามีข้อความว่า ถ้า 2 เดือนไม่นำเงินมาให้เป็นอันว่า ที่ดินที่กล่าวข้างบนนี้ขาดกัน เงื่อนไขตอนหลังนี้เป็นลักษณะแห่งการเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 656 ข้อสัญญาย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรค 3 ส่วนที่จะให้แปลสัญญาว่า เมื่อไม่ชำระหนี้ผู้กู้จะโอนที่ดินให้เป็นการชำระหนี้แทนตัวเงินกู้นั้น โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่ามีดังนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินรับสิ่งของแทนเงิน: ไม่เป็นนิติกรรมอำพราง การพิสูจน์การใช้เงิน
จำเลยรับผ้าโจทก์ไปขาย โดยทำสัญญากู้ให้ไว้เท่าราคาผ้าดังนี้ ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง ต้องถือเป็นสัญญากู้เงินโดยรับสิ่งของแทนเงิน
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น