พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกประโยชน์จากตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องได้ และการแบ่งแยกที่ดินต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน
โจทก์ฟ้องเรียกเอาประโยชน์ที่อ้างว่าตัวแทนได้รับไว้จากการที่โจทก์มอบหมายให้ไปทำการแทน ดังนั้น ถึงการตั้งตัวแทนนั้นจะไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้เป็นหนังสือ โจทก์ก็ย่อมฟ้องได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ (อ้างฎีกาที่ 640/2489 และ 418/2501)
เอกสารมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ โจทก์ก็นำสืบได้ว่าที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของที่พิพาทนั้นได้กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ หาใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารไม่
(อ้างฎีกาที่ 640/2489 และ 1290/2501)
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 79 บัญญัติว่า เมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินแล้ว ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินเป็นบางส่วน ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้น และพนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้นไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน เมื่อได้รังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว ถ้าจะต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมก็ให้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียก่อน แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ให้ ดังนั้น การที่คู่ความชี้เขตให้พนักงานศาลทำแผนที่แบ่งเขตที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ และศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้น จึงไม่ชอบ ชอบที่จะให้ถอนชื่อจำเลยออกและใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้มีชื่อในโฉนด
เอกสารมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ โจทก์ก็นำสืบได้ว่าที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของที่พิพาทนั้นได้กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ หาใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารไม่
(อ้างฎีกาที่ 640/2489 และ 1290/2501)
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 79 บัญญัติว่า เมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินแล้ว ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินเป็นบางส่วน ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้น และพนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้นไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน เมื่อได้รังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว ถ้าจะต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมก็ให้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียก่อน แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ให้ ดังนั้น การที่คู่ความชี้เขตให้พนักงานศาลทำแผนที่แบ่งเขตที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ และศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้น จึงไม่ชอบ ชอบที่จะให้ถอนชื่อจำเลยออกและใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้มีชื่อในโฉนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038-1039/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางเช่านา: สัญญาเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หากไม่มีผลบังคับ สัญญาจ้างทำนาใช้เป็นหลักฐานเช่าไม่ได้
ทำสัญญาจ้างทำนาเป็นหนังสือโดยอำพรางนิติกรรมการเช่านา สัญญาเช่านาที่ถูกอำพรางนั้นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิฉะนั้นไม่มีผลบังคับ และจะถือเอาหลักฐานสัญญาจ้างทำนาเป็นหลักฐานการเช่านามิได้ เมื่อการเช่านามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ และโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากนาแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในนาที่เช่านั้นต่อไปได้ การอยู่ต่อมาของจำเลยจึงเป็นละเมิด
ประชุมใหญ่ ครั้ง 20/2509
ประชุมใหญ่ ครั้ง 20/2509
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารทำไม่ได้
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน เมื่อหย่าขาดจากกันจำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐานเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้นสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้จากค่าจ้างเป็นเงินกู้ และการนำสืบการใช้เงินในหนี้กู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
เมื่อมีหนี้ต่อกันแล้ว คู่กรณีก็อาจแปลงหนี้อย่างหนึ่งเป็นหนี้อีกอย่างหนึ่งได้ในภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้หนี้เงินค่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยผูกพันกันในรูปเป็นหนี้เงินกู้ โจทก์จำเลยจึงมีความผูกพันต่อกันในหนี้เงินกู้ ในการกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อจะนำสืบการใช้เงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว จะนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974-1975/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: หลักฐานเป็นหนังสือ, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญา, และการพิสูจน์ความถูกต้องของสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าที่ดิน 112 ตารางวาจากเจ้าของที่ดิน จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินบางส่วน จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุก ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านนี้จำเลยขอเช่าจากเจ้าของ ๆ ให้จำเลยเข้าอยู่แล้ว จำเลยขอให้เรียกเจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและขอถือเอาคำให้การของจำเลยกับขอให้การเพิ่มเติมว่าโจทก์เช่าเพียง 51 ตารางวาเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิในการเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วมเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้น จะต้องฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เอกสารการเช่ารายนี้ คือ สัญญาหมาย 8 โจทก์ว่า ไม่ใช่สัญญาเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งจำเลยและจำเลยร่วมยืนยันว่าใช่ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าสัญญาเช่าหมาย 8 นี้เป็นสัญญาที่แท้จริง และใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าโจทก์ทำไว้จริงและใช้ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าโจทก์เช่า 51 ตารางวา ตามที่ปรากฏในสัญญา โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่าความจริงโจทก์เช่า 112 ตารางวาย่อมไม่ได้ แต่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ว่า สัญญานี้ปลอมหรือไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย: หลักฐานเป็นหนังสือและผลผูกพัน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.538 ที่ว่าถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
(อ้างฎีกาที่ 415/2501)
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่าและลงชื่อในสัญญาในฐานะเป็นผู้เช่าแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวนี้ยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538
การที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงเช่ากันและได้ชำระเงินกินเปล่ากับค่าเช่าให้โจทก์ไปแล้วนั้น หากจะได้ชำระไปจริงและได้ตกลงกันจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานแห่งการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นฝ่ายที่จำเลยจะให้รับผิดตามสัญญา จำเลยก็ยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ไม่ได้.
(อ้างฎีกาที่ 1175/2502)
(อ้างฎีกาที่ 415/2501)
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่าและลงชื่อในสัญญาในฐานะเป็นผู้เช่าแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวนี้ยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538
การที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงเช่ากันและได้ชำระเงินกินเปล่ากับค่าเช่าให้โจทก์ไปแล้วนั้น หากจะได้ชำระไปจริงและได้ตกลงกันจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานแห่งการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นฝ่ายที่จำเลยจะให้รับผิดตามสัญญา จำเลยก็ยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ไม่ได้.
(อ้างฎีกาที่ 1175/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายจึงมีผลบังคับใช้
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 บัญญัติว่าถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องอย่างเดียวแต่หมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วยเพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเอกสารสัญญาเช่าต่อกันตามที่กฎหมายบังคับไว้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างการเช่าต่อกันหาได้ไม่
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่า และลงชื่อในสัญญาในฐานะผู้เช่าแล้วแต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538 ผู้เช่าจะยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันผู้ให้เช่าไม่ได้
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่า และลงชื่อในสัญญาในฐานะผู้เช่าแล้วแต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538 ผู้เช่าจะยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันผู้ให้เช่าไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสุกรและการมอบหมายให้ขายแทน ไม่ใช่การซื้อเชื่อ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องบังคับได้
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยรับสุกรโจทก์ไป 40 ตัว ไปขาย จำเลยคิดราคาให้โจทก์กิโลกรัมละ 4 บาท 20 สตางค์ ส่วนราคาที่จะขายได้เกินกว่านั้น และน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นจากเวลาที่รับจากโจทก์ตกเป็นของจำเลย เงินโจทก์จะติดตามไปรับหรือจำเลยจะมอบฉันทะให้ตัวแทนโจทก์ไปรับ เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยซื้อเชื่อสุกรไปจากโจทก์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยรับสุกรไปขายแทนโจทก์ และหากจะฟังว่าเป็นเรื่องซื้อขาย โจทก์ก็ได้มอบสุกรให้จำเลยไปเป็นการชำระหนี้บางส่วนแล้ว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสุกรได้
ฎีกาที่ 1434/2495
ฎีกาที่ 1434/2495
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมาย การฟ้องบังคับทำสัญญาจึงไม่ชอบ
การที่โจทก์ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาจดทะเบียนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่า ได้ชำระเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่า ให้จำเลยไปแล้วนั้น หากโจทก์จะได้ชำระจริงก็ดี ได้ตกลงกันร่างสัญญาเช่าขึ้นแล้วก็ดี ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิในเรื่องนี้ดีขึ้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การฟ้องบังคับทำสัญญาจึงไม่สมบูรณ์
การที่โจทก์ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาจดทะเบียนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่า ได้ชำระเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าให้จำเลยไปแล้วนั้นหากโจทก์จะได้ชำระจริงก็ดี ได้ตกลงกันร่างสัญญาเช่าขึ้นแล้วก็ดีก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิในเรื่องนี้ดีขึ้นไม่