คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลายกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5929/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแยกกันได้: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ล. 2 นัดและยิง น. 1 นัด เป็นเหตุให้ล. และ น. ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยยิงในเวลาต่อเนื่องกันแสดงว่าในการยิงปืนแต่ละนัดความประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่ากระสุนนัดใด จำเลยยิงผู้ตายคนใด เจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสองในขณะกระทำความผิด จึงแยกออกจากกันได้การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5929/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแยกจากกัน ความผิดฐานฆ่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายทั้งสอง ผู้ตายทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องนอน จำเลยยิงนายล.ก่อนแล้วจึงยิงนาง น. จำเลยยอมรับว่าจำเลยยิงนาย ล. 2 นัด แล้วจึงยิงนางน. 1 นัด แสดงว่าในการยิงปืนแต่ละนัดความประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่ากระสุนนัดใดจำเลยยิงผู้ตายคนใด เจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสองในขณะจำเลยลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้ ความต้องการให้ผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตายแม้จะเกิดขึ้นในใจของจำเลยพร้อม ๆ กันและต่อเนื่องกับการลงมือกระทำความผิดก็มิใช่เจตนาในขณะที่จำเลยลงมือกระทำความผิด การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำสุราฯ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้กระทำผิดต่อเนื่อง
ความผิดฐานทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดฐานมีภาชนะหรือเครื่องกลั่นสำหรับทำสุราโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสุราที่รู้ว่าทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและความผิดฐานขายหรือนำออกแสดงเพื่อขายซึ่งสุราดังกล่าว ทั้งสี่ฐานนี้แม้จะเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน แต่ก็เห็นได้ว่าความผิดในแต่ละฐานต่างมีสภาพและลักษณะของการกระทำความผิดที่แตกต่างกัน และสามารถแยกเป็นคนละส่วนต่างหากจากกันได้ แสดงว่ากฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้กระทำผิดในแต่ละกรณีเป็นตอน ๆ ไป แม้จำเลยจะกระทำความผิดทั้งสี่ฐานในคราวเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6107/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส และการพิจารณาเจตนาในการกระทำผิดหลายกรรม
จำเลยมีความโกรธแค้น ล. และผูกใจเจ็บ เมื่อมาพบ ล. นอนอยู่ไม่ทันรู้ตัวก็ถือโอกาสเข้าทำร้าย พ. จะเข้าไปห้ามก็ถูกจำเลยชกต่อย แสดงว่าจำเลยเพิ่งมีเจตนาเกิดขึ้นในภายหลังต่างเจตนากันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ล. ถูกชกและเตะที่บริเวณใบหน้า ดั้งจมูกหักและบวมต้องใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือน ทั้งหลังเกิดเหตุประมาณ 9 เดือน ก็ยังต้องหายใจด้วยรูจมูกข้างเดียว เมื่อทำงานหนักจะมีอาการปวดศีรษะหัวคิ้วและขมับ ถือได้ว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันเป็นอันตรายแก่กายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5356/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงจากการใช้เช็คเดินทางปลอมเป็นกรรมเดียวแต่หลายกรรมต่างกันตามแต่ละธนาคาร
จำเลยที่ 1 กับพวกปลอมหนังสือเดินทางและเช็คเดินทางรวม 12 ฉบับแล้วแยกนำไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารต่าง ๆ รวม 4 ธนาคารในคราวเดียวกันในแต่ละธนาคาร โดยมีเจตนาเพียงประการเดียวเพื่อฉ้อโกงเงินจากธนาคารแต่ละธนาคารด้วยการขอแลกเงินตามเช็คเดินทางปลอมนั้นให้ได้ ความผิดข้อหาปลอมหนังสือเดินทางและเช็คเดินทางกับใช้เอกสารปลอมดังกล่าวแต่ละครั้งในแต่ละธนาคาร จึงเป็นกรรมเดียวกันกับความผิดฐานฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษข้อหาใช้เช็คเดินทางปลอมซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่จำเลยที่ 1ได้ใช้เช็คเดินทางปลอมดังกล่าวที่ธนาคารต่าง ๆ รวม 4 ธนาคารการกระทำความผิดในส่วนนี้จึงเป็นความผิดหลายกรรมรวม 4 กรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสาร (เช็ค) หลายกรรม การเรียงกระทงและข้อยกเว้นการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษ 10 กระทง กระทงละ 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
จำเลยปลอมลายมือชื่อของผู้จัดการธนาคารเป็นผู้อาวัลลงในเช็ค แม้เช็คนั้นมีรายการครบถ้วนตามกฎหมายแล้วก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารที่เป็นตั๋วเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 (4)
จำเลยปลอมลายมือชื่อของผู้จัดการธนาคารที่ด้านหลังเช็คทั้งสอบฉบับในคราวเดียวกัน การปลอมลายมือชื่อดังกล่าวในแต่ละฉบับเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแยกออกจากกันได้ทั้งจำเลยกระทำโดยมีเจตนานำเช็คที่มีลายมือชื่อปลอมนั้นไปหลอกขายให้แก่บุคคลอื่น ซึ่งจำเลยก็สามารถหลอกขายเช็คให้แก่บุคคลอื่นเป็นรายฉบับไป จึงเป็นความผิดต่างกรรมกันจำนวน 10 กระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสารที่เป็นตั๋วเงินและการเรียงกระทงความผิดหลายกรรม
จำเลยร่วมปลอมลายมือชื่อของ ป. เป็นผู้รับอาวัลเช็คเพื่อให้เช็คทั้งสิบฉบับเป็นที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เช็คทั้งสิบฉบับเป็นเช็คที่สมบูรณ์ครบถ้วนตามกฎหมาย เช็คดังกล่าวจึงเป็นตั๋วเงิน จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารที่เป็นตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(4) ไม่ใช่เป็นความผิดตามมาตรา 264 เท่านั้น แม้จำเลยปลอมลายมือชื่อของ ป. ที่ด้านหลังเช็คทั้งสิบฉบับในคราวเดียวกันแต่การปลอมลายมือชื่อดังกล่าวในแต่ละฉบับเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแยกออกจากกันได้อีก ทั้งจำเลยกระทำโดยมีเจตนานำเช็คที่มีลายมือชื่อปลอมนั้นไปหลอกขายลดให้แก่บุคคลอื่นเป็นรายฉบับไปจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3289/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรม: การรับเงินแต่ละครั้งจากผู้เสียหายถือเป็นความผิดสำเร็จต่างกรรมกัน
จำเลยแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหายทั้ง 47 คน ต่างวันต่างเวลากันและรับเงินจากผู้เสียหายทั้ง 47 คนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่รับเงินจากผู้เสียหายแต่ละคน ซึ่งจำเลยกระทำทั้งหมด 47 ครั้ง ต่างวันต่างเวลากันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกันรวม 47 กรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดต่อผู้เยาว์หลายกรรมต่างวาระ ฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและพรากผู้เยาว์
จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงนางสาว ป. กับนางสาว จ. ผู้เยาว์อ้างว่าจะพาไปทำงานแต่กลับพาไปขายให้เป็นหญิงโสเภณี ดังนี้ เห็นได้ว่า ที่จำเลยหลอกลวงผู้เยาว์ทั้งสองก็โดยเจตนาจะให้เกิดผลต่างกรรมกัน แม้จะพาผู้เยาว์ทั้งสองไปในครั้งเดียวคราวเดียวก็เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์แต่ละคนโดยเฉพาะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ จำเลยมีความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารรวม 2 กระทง
ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสองกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดต่อผู้เยาว์หลายกรรมต่างวาระ และการพิจารณาบทลงโทษที่ถูกต้องตามเจตนา
จำเลยใช้อุบายหลอกลวง นางสาว ป. และนางสาว จ.ผู้เยาว์อ้างว่าจะพาไปทำงานที่จังหวัดแพร่ เมื่อผู้เยาว์ทั้งสองตกลงจำเลยกลับพาผู้เยาว์ทั้งสองไปขายให้เป็นโสเภณีที่จังหวัดปัตตานี ดังนี้ เห็นได้ว่าที่จำเลยหลอกลวงผู้เยาว์ทั้งสองก็โดยเจตนาจะให้เกิดผลต่างกรรมกัน แม้จะพาไปในครั้งเดียวคราวเดียวก็เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์แต่ละคนโดยเฉพาะการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ต้องลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารรวม 2 กระทง จำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เกิดความผิดในฐานนี้ฐานหนึ่งแล้ว การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาก็โดยเจตนาจะให้เกิดความผิดในฐานนั้นอีกฐานหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นหลายกรรมต่างกัน.
of 19