คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อันตราย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยประมาทจากการจุดไฟเผาหญ้า – ปัญหาข้อเท็จจริงที่ห้ามฎีกา
ฎีกาของจำเลยที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นไปตามปกติธรรมดาของชาวสวนชาวไร่ทั่วไปซึ่งบุคคลในขณะจุดไฟเผาย่อมไม่คาดคิดถึงผลการกระทำของตนว่าเพลิงจะลุกลามไปจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามฟ้องเพราะเป็นการกระทำที่ไม่อาจคาดคิดว่าน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแต่เหตุที่เกิดเพลิงไม้ทรัพย์โจทก์ร่วมนี้เพราะจำเลยกระทำโดยประมาทนั้นการที่จะคาดคิดว่าการจุดไฟของจำเลยน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินผู้อื่นหรือไม่ เป็นความคิดเห็น เป็นการคาดคะเนเหตุการณ์ข้างหน้าที่ยังไม่เกิด ขึ้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากการประมาทเลินเล่อของเจ้าของสายไฟฟ้าแรงสูงต่อการเสียชีวิตจากกระแสไฟฟ้า
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำเลยผู้ครอบครองต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่กระแสไฟฟ้าที่จำเลยจัดให้มีขึ้นเพื่อจำหน่ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคสอง จำเลยนำสืบว่าผู้ตายคงขึ้นไปนั่งบนผนังกันตกที่ดาดฟ้าแล้วเสียหลักมือจึงไปถูกสายไฟฟ้าเข้า ดังนี้ ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเหตุเกิดเพราะความผิดของผู้ตายเองดังจำเลยอ้าง
การเดินสายไฟฟ้าแรงสูงซึ่งเป็นสายเปลือยผ่านอาคารที่เกิดเหตุในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง หากจำเลยจัดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสายไฟฟ้าดังกล่าวให้ถูกต้องตามวิธีการที่กำหนดไว้ ก็อาจป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากสายไฟฟ้านั้นได้ จึงอยู่ในวิสัยของจำเลยที่จะป้องกันได้ อันตรายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ตายจึงถือไม่ได้ว่าเกิดแต่เหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทางการรถไฟฯ กรณีถอดเครื่องกั้นถนนซ่อมโดยไม่จัดระบบป้องกันอันตราย ถือเป็นฝ่ายประมาทมากกว่า
ตรงถนนตัดผ่านทางรถไฟ จำเลยมีสัญญาณไฟอัตโนมัติใช้ควบคู่กับคานเครื่องกั้นถนน เมื่อรถไฟแล่นผ่านจะมีคานเครื่องกั้นถนนปิดกั้นมิให้ยานพาหนะผ่านทางรถไฟ การที่จำเลยถอดเอาคานเครื่องกั้นถนนออกไปซ่อมโดยไม่จัดให้เจ้าหน้าที่คอยให้สัญญาณ หรือทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ในขณะที่รถไฟแล่นผ่าน คงมีแต่สัญญาณไฟอัตโนมัติ ภริยาโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นมารดาโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ขับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟเข้าไปชนกับรถไฟของจำเลยซึ่งแล่นผ่านมาถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าฝ่ายจำเลยประมาทมากกว่าฝ่ายโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตายจากการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ไม่ถือเป็นการประสบอันตรายจากการทำงาน
แม้จะฟังว่า ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัท อ. สั่งให้ผู้ตายดำเนินการให้ ป. ย้ายออกไปจากห้องพักของบริษัท ซึ่ง ป. อยู่โดยไม่มีสิทธิ ผู้ตายสั่งให้คนตาม ป. ไป พบ ป.ไม่ไป ผู้ตายจึงไปพบ ป. เพื่อเจรจาเรียกห้องพักคืน แต่ในการเจรจานั้นได้ความว่า ผู้ตายได้ทำร้ายร่างกาย ป. ก่อน โดยไม่จำเป็น ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ตายทำร้ายร่างกาย ป.ไปตามเจตนาของผู้ตายเอง หาเกี่ยวเนื่องกับการเจรจาเรียกห้องพักคืนอันเป็นการทำงานให้นายจ้างไม่ เมื่อ ป. บันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ความตายของผู้ตายจึงเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ตายทำร้ายร่างกาย ป.ก่อน ถือไม่ได้ว่าผู้ตายประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างอันจะทำให้ภริยาของผู้ตายมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งปรับปรุงโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ ต้องมีเหตุจากการก่อความเดือดร้อนหรืออันตรายแก่ผู้อื่น
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะมีอำนาจออกคำสั่งตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 36(3) ก็ต่อเมื่อโรงงานของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานนั้นก่อให้เกิดความรำคาญหรืออันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการปล่อยน้ำทิ้งของโรงงานของจำเลยไม่เคยก่อให้เกิด ความรำคาญหรืออันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้ใดเลย อธิบดีกรมโรงงานย่อมไม่มีอำนาจออกคำสั่งตามกฎหมายมาตรานี้ บังคับจำเลยให้จัดการแก้ไขและสร้างระบบขจัดน้ำทิ้ง แม้ออกมา ก็ย่อมไม่มีผลบังคับการที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น จึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการกระทำที่เล็งเห็นผลอันตรายถึงชีวิต และความรับผิดตามกฎหมายจราจรทางบก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะให้รถยนต์ที่ผู้ตายขับชนกับรถโดยสารประจำทางซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นอยู่แล้วว่า เมื่อรถโดยสารแล่นสวนทางมาในระยะใกล้ หากจำเลยได้หยุดและหักรถหลบเข้ามาทางซ้าย ผู้ตายต้องหลบมาทางขวา จะชนกับรถโดยสารในทันที ผู้ตายและผู้โดยสารต้องถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส และรถทั้งสองชนกันมีคนตายและบาดเจ็บสาหัสดังเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้นก็ขับรถด้วยความประมาทแสดงว่าฟ้องมีความประสงค์ให้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง หาใช่ขอให้ลงโทษทั้งสองอย่างไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) และจำเลยเข้าใจฟ้องได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1547/2511)
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้รุกราน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้น รุกรานเข้าไปยิงโดยเจตนาฆ่าจำเลยที่ 1 ถึงในบ้าน (โดยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง 1 นัด จากลานบ้านขึ้นไปบนบ้าน) จำเลยที่ 1 จึงกระโดดจากชานลงไปที่โคนต้นมะม่วง ห่างจำเลยที่ 2 ประมาณ 2 เมตร จำเลยที่ 2 บรรจุกระสุนปืนอีก และจ้องปืนมาที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงชักอาวุธปืนที่ติดตัวอยู่ยิงจำเลยที่ 2 ไป 3 นัดกระสุนปืนถูกโคนแขนจำเลยที่ 2 นัดเดียว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่จำเป็นต้องหนีผู้ที่เข้ามากระทำผิดกฎหมายแก่ตน ในเหตุการณ์ฉุกละหุกเฉพาะหน้า ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะยิงจำเลยที่ 1 อีกหรือไม่ จำเลยที่1 ไม่มีโอกาสคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากยิงเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายเฉพาะหน้า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทจากการใช้ปืน: การบรรยายฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายและการพิสูจน์ความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
โจทก์ฟ้องบรรยายถึงการกระทำประมาทของจำเลยว่า จำเลยพาอาวุธปืนแก๊ปยาวบรรจุดินปืนพร้อมลูกปืนอยู่แล้วและยังใส่แก๊ปลงในเบ้าแก๊ปด้วย ถ้าปลายนกปืนเกิดกระทบกระเทือนจะตีแก๊ปในเบ้าแก๊ประเบิดขึ้นไปถูกผู้อื่นได้ และบรรยายต่อไปว่าจำเลยนำอาวุธปืนไปที่ตลาดวังทรายพูนในขณะที่มีคนพลุกพล่าน ในพฤติการณ์เช่นนี้บุคคลในภาวะ เช่น จำเลยควรระมัดระวังตามวิสัยโดยไม่ใส่แก๊ปลงในเบ้าแก๊ปของอาวุธปืนนั้น ซึ่งอยู่ในวิสัยของจำเลยที่จะทำได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จำเลยพาอาวุธปืนไปด้วยความไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้อาวุธปืนพลัดตก นกปืนกระทบพื้น ปลายนกปืนที่สวมอยู่ในเบ้าแก๊ปตีแก๊ประเบิดลั่นขึ้น 1 นัด ลูกปืนถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส มีอาการ-ทุกขเวทนาจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน และต้องทุพพลภาพเสียอวัยวะนิ้วก้อยและนิ้วนางข้าขวา-ใช้การไม่ได้ตามปกติอาจถึงตลอดชีวิต เป็นการบรรยายให้จำเลยเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยกระทำโดยประมาทอย่างไร ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไรครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว โดยไม่ต้องบรรยายว่าเป็นอาวุธปืนไม่มีคุณภาพใช้ได้โดยปลอดภัยและไม่ต้องบรรยายอีกว่าจำเลยกระทำอย่างไร เป็นการพาอาวุธปืนไปด้วยความไม่ระมัดระวัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจากอาวุธปืน: การบรรยายฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องบรรยายถึงการกระทำประมาทของจำเลยว่า จำเลยพาอาวุธปืนแก๊ปยาวบรรจุดินปืนพร้อมลูกปืนอยู่แล้วและยังใส่แก๊ปลงในเบ้าแก๊ปด้วย ถ้าปลายนกปืนเกิดกระทบกระเทือนจะตีแก๊ปในเบ้าแก๊ประเบิดขึ้นไปถูกผู้อื่นได้ และบรรยายต่อไปว่าจำเลยนำอาวุธปืนไปที่ตลาดวังทรายพูนในขณะที่มีคนพลุกพล่าน ในพฤติการณ์เช่นนี้บุคคลในภาวะเช่นจำเลยควรระมัดระวังตามวิสัยโดยไม่ใส่แก๊ปลงในเบ้าแก๊ปของอาวุธปืนนั้น ซึ่งอยู่ในวิสัยของจำเลยที่จะทำได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จำเลยพาอาวุธปืนไปด้วยความไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้อาวุธปืนพลัดตก นกปืนกระทบพื้น ปลายนกปืนที่สวมอยู่ในเบ้าแก๊ปตีแก๊ประเบิดลั่นขึ้น 1 นัด ลูกปืนถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส มีอาการทุกขเวทนาจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน และต้องทุพพลภาพเสียอวัยวะนิ้วก้อยและนิ้วนางข้างขวาใช้การไม่ได้ตามปกติอาจถึงตลอดชีวิต เป็นการบรรยายให้จำเลยเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยกระทำโดยประมาทอย่างไร ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไรครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158แล้ว โดยไม่ต้องบรรยายว่าเป็นอาวุธปืนไม่มีคุณภาพใช้ได้โดยปลอดภัยและไม่ต้องบรรยายอีกว่าจำเลยกระทำอย่างไรเป็นการพาอาวุธปืนไปด้วยความไม่ระมัดระวัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขึงลวดไฟฟ้าอันตรายจนผู้อื่นเสียชีวิต ถือเป็นการทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยตกกล้าในหลังบ้านและได้ขึงลวด 2 เส้นรอบที่ตกกล้าสูงจากพื้นดินประมาณ 3 นิ้ว แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด 220 โวลท์จากบ้านเข้าไปในเส้นลวดดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้หนูไปกินข้าวกล้าโดยรู้อยู่ว่าสายลวด ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้นั้น หากสัตว์ไปถูกเข้าจะถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยยังปักป้ายห้ามเข้าในเขตที่ตกกล้าด้วยแสดงว่าจำเลยย่อมรู้ว่าสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นอัตรายต่อคนที่เข้าไปในเขตที่ตกกล้าเช่นเดียวกัน การที่จำเลยขึงลวดกระแสไฟฟ้าเช่นนี้ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าอาจมีคนหากบหาปลาตามทุ่งนาเดินมาถูกลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวและได้รับอันตรายแก่ร่างกาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้อื่นแล้ว เมื่อผู้ตายผ่านไปถูกสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตายอันเป็นผลจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
of 15