พบผลลัพธ์ทั้งหมด 116 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเกิดอันตรายสาหัส: การพิจารณาความรุนแรงของการบาดเจ็บและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ใช้ให้ บ.ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 2 ซี่ เมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงของการบาดเจ็บต่อฟันและการป่วยเจ็บ
จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ใช้ให้ บ.ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 2 ซี่ เมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมิน 'อันตรายสาหัส' จากบาดแผลถูกแทง พิจารณาความสามารถในการประกอบกรณียกิจปกติ
ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ต้นแขนซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 2.5 เซนติเมตร ทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หลังเกิดเหตุประมาณ 7วัน ผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหม แพทย์บอกว่าบาดแผลเป็นปกติ และผู้เสียหายก็ไปเรียนหนังสือกับทำกิจการงานต่าง ๆได้ แม้ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนและหลังเกิดเหตุแล้ว 1 เดือน ผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้มากเท่าบุคคลปกติเพราะยังรู้สึกเสียวที่แขน ก็เป็นเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้น หาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลจากการถูกแทงไม่ถึงอันตรายสาหัส แม้ผู้เสียหายเป็นนักกีฬา
ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ต้นแขนซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 2.5 เซนติเมตรทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หลังเกิดเหตุประมาณ 7วันผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหม แพทย์บอกว่าบาดแผลเป็นปกติ และผู้เสียหายก็ไปเรียนหนังสือกับทำกิจการงานต่าง ๆได้ แม้ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนและหลังเกิดเหตุแล้ว 1 เดือน ผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้มากเท่าบุคคลปกติเพราะยังรู้สึกเสียวที่แขน ก็เป็นเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้น หาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัสและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส และการโต้แย้งเรื่องเหตุป้องกันตัว ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้าย ฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นถาวร
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายสาหัสจากการถูกทำร้าย ตาบอดถาวร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อนเป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ2เดือนหลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาลไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสียแม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้และได้ความจากโจทก์ร่วมว่าก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากันขณะเบิกความเห็นรางๆตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวาดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการร่วมในความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส แม้ไม่มีเจตนา
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น ตัวการที่ร่วมทำร้ายผู้อื่นแม้จะไม่มีเจตนาให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส หรือมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำให้เกิดผลขึ้นก็ต้องรับผิดในผลนั้นด้วย ในระหว่างที่จำเลยทั้งสามรุมชกต่อยผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ใช้มีดคัดเตอร์กรีดใบหน้าผู้เสียหายเป็นแผลเสียโฉมติดตัวจำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (4) ด้วย แต่ศาลลงโทษน้อยกว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นต้นเหตุ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2528)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2528)