พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธมีด: ศาลฎีกาพิพากษาเพิ่มโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้มีดปลายแหลมทั้งตัวทั้งด้ามยาวราว 1 ศอก แทงเขาถูกที่หน้าท้องเหนือสดือแผลยาว 6 เซ็นติเมตร กว้าง 3 เซ็นติเมตร ลึกทะลุหลังด้านซ้ายเหนือสะเอว แผลยาว 4 เซ็นติเมตร กว้าง2 เซ็นติเมตร ไส้ไหล นับว่าเป็นแผลฉกรรจ์มากและต้องแทงโดยแรง แม้จะแทงเพียงทีเดียว ก็ย่อมแสดงอยู่ว่า จำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าให้ตาย ต้องด้วยมาตรา 249 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าคนตายโดยเจตนาจากการแทงด้วยอาวุธมีด ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษ
จำเลยใช้มีดปลายแปลมแทงผู้ตายในที่สำคัญโดยแรงจนทะลุลำไส้ขาด เป็นการที่อาจเห็นผลได้ว่า จะทำให้ผู้ตายถึงตาย และผู้ตายก็ได้ขาดใจตายในคืนนั้นเอง จำเลยจึงต้องมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5582/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกลับมาทำร้ายผู้เสียหายด้วยอาวุธมีดหลังวิวาท
เมื่อกลุ่มของ ด. กลับมาที่ร้านได้เดินในลักษณะตามหาผู้เสียหายที่ 2 และเรียกถามหาคนที่ใช้มือปัดอาวุธปืน พฤติการณ์ของจำเลยกับพวกที่ถามหาผู้เสียหายที่ 2 และเมื่อพบผู้เสียหายที่ 2 มีการบอกให้เข้าไปหาผู้เสียหายที่ 2 แล้วจำเลยกับพวกก็เข้าไปใช้อาวุธมีดรุมฟันผู้เสียหายที่ 2 ทันที แสดงว่าจำเลยกับพวกเจตนากลับมาทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 เนื่องจากจำเลยโกรธผู้เสียหายที่ 2 ที่เข้าห้ามมิให้จำเลยกับ ค. วิวาทกันและผู้เสียหายที่ 2 ใช้มือตบอาวุธปืนที่จำเลยชักออกมา การที่จำเลยกับพวกกลับออกไปแล้วกลับมาที่ร้านที่เกิดเหตุอีกครั้งโดยจำเลยกับพวกบางคนนำอาวุธมีดมาด้วย จำเลยกับพวกย่อมต้องได้คิดไตร่ตรองเพื่อทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 แล้ว การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด ศาลพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดขนาดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนฟันผู้เสียหายที่ไหล่ขวาขณะหันหลังวิ่งหนี และฟันอย่างแรงจนเกิดบาดแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ลึกประมาณ 4 เซนติเมตร ลักษณะการฟันลงเช่นนี้ส่อว่าจำเลยเลือกจะฟันศีรษะแต่พลาดไปโดนไหล่ขวาแทน จำเลยย่อมต้องเล็งเห็นแล้วว่าหากฟันถูกศีรษะหรือลำคอที่เป็นอวัยวะสำคัญจะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฆ่า, อาวุธปืน, อาวุธมีด: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และแก้ไขการลงโทษความผิดฐานพาอาวุธ
จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันมาในที่เกิดเหตุ โดยจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดทำจากใบเลื่อยยาวถึง 1 เมตร ฟันบริเวณแสกหน้าของผู้เสียหายที่ 1 แต่ผู้เสียหายที่ 1 ใช้มือรับไว้ จึงทำให้เอ็นนิ้วนางและนิ้วก้อยของผู้เสียหายที่ 1 ขาด ทั้งยังมีบาดแผลที่ศีรษะด้านขวาลึกเกือบถึงกระดูก หากมาพบแพทย์ไม่ทันต้องเสียเลือดมากและอาจถึงแก่ความตายได้ และจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนปากกายิงผู้เสียหายที่ 2 ถึง 2 นัด แต่กระสุนปืนด้าน จำเลยที่ 3 ใช้กระถางต้นไม้ทุ่มใส่ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกขวา พฤติการณ์การกระทำของจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าแต่ละคนจะแบ่งแยกกันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองคนใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสามมีเจตนายอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของแต่ละคน จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด: การพิจารณาจากลักษณะการทำร้ายและอาวุธที่ใช้
ก่อนที่จำเลยจะใช้มีดสปาต้าฟันผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายยืนปัสสาวะโดยยืนหันหลังให้จำเลย ที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้เสียหายหันกลับมาทางจำเลย คมมีดถูกด้านข้างศีรษะของผู้เสียหาย แสดงว่าขณะที่จำเลยกำลังฟันผู้เสียหายยังหันหลังอยู่ จำเลยมีโอกาสที่จะเลือกฟันอวัยวะส่วนใดของผู้เสียหายก็ได้เมื่อจำเลยเลือกฟันที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งอาวุธที่ใช้เป็นมีดสปาต้าขนาดยาวประมาณ 1 ศอก จัดว่าเป็นอาวุธมีดขนาดใหญ่ และบาดแผลของผู้เสียหายลึกถึงกระดูก ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร มีเลือดออกมาก เส้นเลือดแดงขาด บาดแผลเป็นเส้นโค้งครึ่งวงกลม เย็บแผลแล้วไม่มีเลือดออกเพิ่ม แสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6080/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาญา: การร่วมกันปล้นทรัพย์, พาอาวุธปืนและมีด, และขอบเขตความผิดฐานปล้นทรัพย์ของจำเลยแต่ละคน
การพาอาวุธใด ๆ ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจะต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 371 แต่หากเป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุสมควรจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่งและมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง อีกบทหนึ่ง ซึ่งมีโทษหนักกว่าการพาอาวุธทั่ว ๆ ไป ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่า กฏหมายบัญญัติความผิดและบทลงโทษแยกไว้สำหรับกรณีพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นอีกความผิดหนึ่ง ทั้งวัตถุของกลางก็เป็นคนละประเภทกัน แสดงว่าเจตนาในการพาไปแตกต่างกัน และความผิดแต่ละประเภทสำเร็จแล้วนับตั้งแต่พาเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสามจะร่วมกันพาอาวุธปืนและอาวุธมีดไปในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10450/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าและอำนาจฟ้อง
พนักงานสอบสวนได้สอบคำให้การพยานหลายปากและรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับความผิดแล้วกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส แต่พนักงานอัยการเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและมีคำสั่งให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม เมื่อแจ้งข้อหาแก่จำเลยเพิ่มเติมว่าพยายามฆ่าผู้อื่น จำเลยให้การปฏิเสธ ดังนี้ ถือว่าคดีนี้ได้มีการสอบสวนในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 1 ศอก ฟันทำร้ายผู้เสียหายหลายครั้งถูกที่ร่างกาย ใบหน้า และท้ายทอยซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ เมื่อพิจารณาถึงบาดแผลลึกเห็นกระดูกและกระดูกแก้มแตกหักและลึกถึงกะโหลกศีรษะซึ่งแพทย์เห็นว่าเป็นการถูกฟันโดยแรง ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 45 วัน ดังนี้ แสดงว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 1 ศอก ฟันทำร้ายผู้เสียหายหลายครั้งถูกที่ร่างกาย ใบหน้า และท้ายทอยซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ เมื่อพิจารณาถึงบาดแผลลึกเห็นกระดูกและกระดูกแก้มแตกหักและลึกถึงกะโหลกศีรษะซึ่งแพทย์เห็นว่าเป็นการถูกฟันโดยแรง ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 45 วัน ดังนี้ แสดงว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2781/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพาอาวุธปืนและมีดเป็นคนละกรรมกัน แม้พาไปพร้อมกัน ก็ต้องลงโทษตามกฎหมายแต่ละบท
การพาอาวุธใด ๆ ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจะต้องรับโทษตาม ป.อ. มาตรา 371 แต่หากเป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุสมควรแล้ว ย่อมจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง อีกบทหนึ่ง ซึ่งมีโทษหนักกว่าการพาอาวุธทั่ว ๆ ไป ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่า กฎหมายบัญญัติความผิดและบทลงโทษแยกไว้สำหรับกรณีพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นอีกความผิดหนึ่ง ทั้งวัตถุของกลางเป็นคนละประเภทกัน แสดงว่าเจตนาในการพาไปย่อมแตกต่างกัน และความผิดแต่ละประเภทย่อมสำเร็จแล้วนับตั้งแต่การพาเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ประกอบกับโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ แม้จำเลยจะพาอาวุธปืนและอาวุธมีดไปในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน