พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการกำหนดวันอ่านคำพิพากษาเป็นดุลพินิจ และข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งกำหนดวันอ่านคำพิพากษาเป็นดุลพินิจของศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ฎีกาก่อนอุทธรณ์คำพิพากษาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตแก้ฟ้องระหว่างพิจารณา หากจำเลยไม่โต้แย้ง ถือเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
คำสั่งศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยไม่โต้แย้งไว้ อุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่คัดค้านการถามค้านพยานในวันสืบพยาน ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาภายหลัง
คู่ความจะอุทธรณ์ฎีกาว่าศาลไม่ให้ตนถามค้านพยานในข้อใดหากไม่คัดค้านให้ศาลจดข้อคัดค้านไว้ในวันสืบพยานนั้นแต่เพิ่งมายื่นคำร้องคัดค้านเป็นหลักฐานไว้ภายหลังก็ไม่มีคำชี้ขาดของศาลที่จะอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตประเด็นข้อพิพาท: การสละประเด็นในชั้นชี้สองสถานและการอุทธรณ์ฎีกานอกประเด็น
ฟ้องขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์เป็นตัวแทนจำเลยทำสัญญาเช่า แต่ในชั้นชี้สองสถานกะประเด็นไว้เพียงว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือไม่ ถือว่าสละประเด็นอื่นรวมทั้งเรื่องตัวแทนในการทำสัญญาด้วย จึงอุทธรณ์ฎีกานอกประเด็นที่กะไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมศาลไม่ทำให้บุคคลอื่นเสียหายโดยตรง ศาลเป็นผู้เสียหาย
การที่กฎหมายบัญญัติให้ชำระค่าธรรมเนียมศาลนั้น เป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการเก็บเป็นรายได้ของรัฐบาลเมื่อมีการหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลศาลย่อมเป็นผู้เสียหายบุคคลอื่นหาใช่ผู้เสียหายโดยตรงไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งแพ้คดีแพ่งได้ยื่นคำร้องและเบิกความในการขออุทธรณ์และฎีกาอย่างคนอนาถาอันเป็นเท็จว่า จำเลยยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะจำหน่ายจ่ายโอนเพื่อหาเงินมาเสียค่าธรรมเนียมได้ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องอ้างพยานมาสืบต่อสู้ต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายและค่าใช้จ่ายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,177 ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งแพ้คดีแพ่งได้ยื่นคำร้องและเบิกความในการขออุทธรณ์และฎีกาอย่างคนอนาถาอันเป็นเท็จว่า จำเลยยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะจำหน่ายจ่ายโอนเพื่อหาเงินมาเสียค่าธรรมเนียมได้ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องอ้างพยานมาสืบต่อสู้ต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายและค่าใช้จ่ายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,177 ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการอุทธรณ์ฎีกา ศาลต้องโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาจึงจะอุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้จึงจะอุทธรณ์ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2514เวลา 10.00 นาฬิกา และพิพากษาคดีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม2514 เวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยย่อมมีโอกาสเพียงพอที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาเพื่อขอสืบพยานต่อไปอีกมิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของคู่ความ แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขอให้สั่งศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ และโต้เถียงในเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาล และการใช้แทนค่าฤชาธรรมเนียมโดยมิได้ขอให้ชี้ขาดแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดีหรือขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยควรเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา เพียงศาลละ 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2514เวลา 10.00 นาฬิกา และพิพากษาคดีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม2514 เวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยย่อมมีโอกาสเพียงพอที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาเพื่อขอสืบพยานต่อไปอีกมิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของคู่ความ แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขอให้สั่งศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ และโต้เถียงในเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาล และการใช้แทนค่าฤชาธรรมเนียมโดยมิได้ขอให้ชี้ขาดแพ้ชนะในข้อหาแห่งคดีหรือขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยควรเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา เพียงศาลละ 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์ฎีกา: คดีเช่าช่วง vs. ฟ้องแย้งโอนสิทธิ, สิทธิฟ้องขับไล่แม้สัญญาเช่าสิ้นสุด
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 จำต้องฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไปอีก ให้ยกคำร้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หาใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายไม่ ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา ศาลไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่ดินพิพาทกับ ล. ครบกำหนดไม่ไถ่ จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ล. ล. ขายที่พิพาทให้โจทก์ ครบอายุสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ออกขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การเพียงว่า ไม่เคยขายฝากที่ดินแก่ใคร ไม่ได้ทำสัญญาเช่า และไม่ได้ลงชื่อไว้ ไม่ได้ต่อสู้โดยแจ้งชัดว่าจำเลยเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา ฉะนั้นการที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกเลิกการเช่าก่อน ก็ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่จำเลยมิได้ยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยข้อนี้มา ก็เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา หากมิได้ยกขึ้นในชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับ ล. ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ล. ล. ขายที่พิพาทให้โจทก์ครบอายุสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ออกไป ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การว่าไม่เคยขายฝากแก่ใคร ไม่ได้ทำสัญญาเช่า แล้วจำเลยจะอุทธรณ์ว่าการเช่านั้นเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้บอกเลิกการเช่าเสียก่อนดังนี้ หาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อนี้ให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้