คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาลวง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 90 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาไม่สุจริต เพื่อขัดขวางการโอนสิทธิในที่ดิน และการทำสัญญาโดยมิได้เป็นหนี้จริง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาแบ่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยให้ราคาสูงกว่า แล้วจำเลยที่ 2 สมยอมกันทำสัญญายอมความเพื่อให้จำเลยที่ 2 ใช้สิทธิอันไม่สุจริตนำสัญญาไปฟ้องศาลเพื่อขายทอดตลาด อันเป็นเหตุให้โจทกืบังคับคดีไม่ได้ เมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 สมยอมกับจำเลยที่ 1 ทำหลักฐานแห่งหนี้ขึ้นฟ้องจำเลยที่ 1 โดยมิได้เป็นหนี้กันจริง แล้วยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนี้ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ในคดีแพ่งแดงที่ 107/2503 จำเลยที่ 2 นำยึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาด โจทก์ข้องขัดทรัพย์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทกื อ้างว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทได้ก่อนจำเลยที่ 2 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้ง 3 สมคบกันแสดงเจตนาลวง โดยจำเลยที่ 2 ใช้เล่ห์เพทุบายแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญายอมความกันโดยไม่สุจริต เพื่อยึดที่พิพาทมาขายทอดตลาด ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมที่นำมาฟ้อง สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตลอดจนคำขอบังคับเป็นคนละอย่างต่างกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ว่า ได้สมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาขึ้นโดยไม่สุจริต เพื่อขัดขวางมิให้โจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในเมื่อโจทกืชนะคดีจำเลยที่ 1 เป็นการเพียงพอจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาไม่สุจริตเพื่อขัดขวางการโอนที่ดิน และการทำสัญญาโดยมิได้เป็นหนี้จริง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์แล้วจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยให้ราคาสูงกว่าแล้วจำเลยที่ 2 สมยอมกันทำสัญญายอมความเพื่อให้จำเลยที่ 2 ใช้สิทธิอันไม่สุจริตนำสัญญาไปฟ้องศาลเพื่อขายทอดตลาดอันเป็นเหตุให้โจทก์บังคับคดีไม่ได้เมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 สมยอมกับจำเลยที่ 1 ทำหลักฐานแห่งหนี้ขึ้นฟ้องจำเลยที่ 1 โดยมิได้เป็นหนี้กันจริงแล้วยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนี้การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ในคดีแพ่งแดงที่ 107/2503 จำเลยที่ 2 นำยึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาดโจทก์ร้องขัดทรัพย์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ อ้างว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทได้ก่อนจำเลยที่ 2 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้ง 3 สมคบกันแสดงเจตนาลวงโดยจำเลยที่ 2 ใช้เล่ห์เพทุบายแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญายอมความกันโดยไม่สุจริตเพื่อยึดที่พิพาทมาขายทอดตลาด ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมที่นำมาฟ้องสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตลอดจนคำขอบังคับเป็นคนละอย่างต่างกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ว่า ได้สมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาขึ้นโดยไม่สุจริต เพื่อขัดขวางมิให้โจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในเมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 เป็นการเพียงพอจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: การพิสูจน์เจตนาลวงและผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของนิติกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่านิติกรรมขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นโมฆะ โดยอ้างว่านิติกรรมการขายฝากและสัญญาเช่าเป็นิติกรรมอำพราง ให้จำเลยรับเงินไถ่ถอนและแก้ทะเบียนที่ดินคืนเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่า นิติกรรมขายฝากและสัญญาเช่าเป็นนิติกรรมแท้จริงไม่อำพราง สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว ขอให้ขับไล่นั้น เป็นกรณีเกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งจำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การได้
เมื่อนิติกรรมอันหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่ง นิติกรรมอันแรกย่อมเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันตามเจตาที่แสดงออกมานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ ส่วนนิติกรรมอันหลังที่ถูกอำพรางไว้โดยนิติกรรมอันแรกต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรรมอันที่ถูกอำพรางไว้ ซึ่งจะสมบูรณ์หรือไม่เพียงใด ก็แล้วแต่บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมอันหลังนี้
เจตนาลวงที่แสดงออกมาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมตกเป็นโมฆะ ไม่ว่านิติกรรมอีกอันหนึ่งถูกปกปิดไว้หรือไม่ก็ตาม เหตุนี้ การนำสืบพยานตามข้ออ้างของโจทก์จึงเป็นการนำสืบทำลายข้อความในเอกสารว่า สัญญาที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรค 2 ซึ่งไม่ห้ามในการที่โจทก์จะนำสืบพยานบุคคลตามฟ้องโจทก์นั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 295/2508)(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: โมฆะของนิติกรรมที่ปรากฏ และผลบังคับใช้ของนิติกรรมที่ถูกซ่อน
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่านิติกรรมขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นโมฆะ โดยอ้างว่านิติกรรมการขายฝากและสัญญาเช่าเป็นนิติกรรมอำพราง ให้จำเลยรับเงินไถ่ถอนและแก้ทะเบียนที่ดินคืนเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่านิติกรรมขายฝากและสัญญาเช่าเป็นนิติกรรมแท้จริงไม่อำพราง สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้วขอให้ขับไล่นั้น เป็นกรณีเกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งจำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การได้
เมื่อนิติกรรมอันหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่ง นิติกรรมอันแรกย่อมเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น นิติกรรมอันแรกที่ปรากฏออกมานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ ส่วนนิติกรรมอันหลังที่ถูกอำพรางไว้โดยนิติกรรมอันแรกต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมอันที่ถูกอำพรางไว้ ซึ่งจะสมบูรณ์หรือไม่เพียงใด ก็แล้วแต่บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมอันหลังนี้
เจตนาลวงที่แสดงออกมาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมตกเป็นโมฆะ ไม่ว่านิติกรรมอีกอันหนึ่งถูกปกปิดไว้หรือไม่ก็ตาม เหตุนี้ การนำสืบพยานตามข้ออ้างของโจทก์จึงเป็นการนำสืบทำลายข้อความในเอกสารว่า สัญญาที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง ซึ่งไม่ห้ามในการที่โจทก์จะนำสืบพยานบุคคลตามฟ้องโจทก์นั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 295/2508 ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวงในการโอนสิทธิเช่า: เอกสารเป็นโมฆะได้ แม้มีพยานสืบหักล้าง
เอกสารมีข้อความว่า ผู้เช่าที่ดินแจ้งต่อผู้ให้เช่าขอโอนสิทธิการเช่าให้ผู้รับโอน และผู้รับโอนบันทึกไว้ด้วยว่ายอมรับโอนสิทธิการเช่า ดังนี้ ในคดีระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน ผู้โอนนำสืบได้ว่าความจริงผู้โอนและผู้รับโอนตกลงกันให้ผู้รับโอนชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่ผู้ให้เช่าแทนผู้โอนโดยผู้รับโอนเก็บค่าเช่าห้องแถวที่ดินที่เช่านั้นชดใช้และแบ่งเป็นบำเหน็จจึงทำเอกสารการโอนไว้เพื่อความสะดวกและเป็นประกันการแสดงเจตนาเช่นนี้ เป็นการแสดงเจตนาลวง โดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 คู่ความนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างข้อความในเอกสารนั้นได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ตกเป็นโมฆะเนื่องจากเจตนาลวงและบุคคลภายนอกไม่สุจริต
ผู้ร้องสอดจำนองเรือยนต์ไว้กับโจทก์ตามสัญญาหมาย จ.1 ต่อมาผู้ร้องสอดโอนเรือนี้ให้แก่จำเลย เพื่อหลบเจ้าหนี้ของผู้ร้องสอดโดยรู้กับจำเลย แล้วให้จำเลยทำสัญญาจำนองเรือนั้นกับโจทก์ใหม่เท่าจำนวนหนี้ตามสัญญาจำนองเดิม การจำนองครั้งหลังนี้ไม่มีการรับเงิน แต่ถือเอาเงินที่ผู้ร้องสอดจะต้องชำระตามสัญญาจำนองหมาย จ.1 มาเป็นเงินรับจำนองตามสัญญาหมาย จ.2 โดยโจทก์ก็ทราบว่าผู้ร้องสอดโอนเรือพิพาทให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ ส่วนสัญญาจำนองหมาย จ.1 ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอน ดังนี้ เห็นได้ว่าเจตนาของผู้ร้องสอดในการโอนเรือให้แก่จำเลยเป็นเจตนาลวงด้วยสมรู้กับจำนอง จึงตกเป็นโมฆะ จำนองไม่มีสิทธิในเรือตลอดทั้งไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาจำนองเรือกับโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต เพราะทราบเจตนาลวงของผู้ร้องสอดนั้นอยู่แล้ว จึงฟ้องบังคับจำนองตามสัญญาหมาย จ.2 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ตกเป็นโมฆะเนื่องจากเจตนาลวงและบุคคลภายนอกไม่สุจริต ทำให้สัญญาจำนองไม่มีผลบังคับใช้
ผู้ร้องสอดจำนองเรือยนต์ไว้กับโจทก์ตามสัญญาหมายจ.1ต่อมาผู้ร้องสอดโอนเรือนี้ให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ของผู้ร้องสอดโดยสมรู้กับจำเลย แล้วให้จำเลยทำสัญญาจำนองเรือนั้นกับโจทก์ใหม่เท่าจำนวนหนี้ตามสัญญาจำนองเดิม การจำนองครั้งหลังนี้ไม่มีการรับเงิน แต่ถือเอาเงินที่ผู้ร้องสอดจะต้องชำระตามสัญญาจำนองหมายจ.1 มาเป็นเงินรับจำนองตามสัญญาหมายจ.2 โดยโจทก์ก็ทราบว่าผู้ร้องสอดโอนเรือพิพาทให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ ส่วนสัญญาจำนองหมายจ.1 ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอน ดังนี้ เห็นได้ว่าเจตนาของผู้ร้องสอดในการโอนเรือให้แก่จำเลยเป็นเจตนาลวงด้วยสมรู้กับจำเลย จึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธิในเรือตลอดทั้งไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาจำนองเรือกับโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยไม่สุจริตเพราะทราบเจตนาลวงของผู้ร้องสอดนั้นอยู่แล้ว จึงฟ้องบังคับจำนองตามสัญญาหมายจ.2 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอาศัย-เจตนาลวง: การต่อสู้สิทธิในคดีก่อนไม่ขัดสิทธิในคดีหลัง, นิติกรรมลวงเป็นโมฆะ
(1) ข้อต่อสู้ของจำเลยกับสิทธิของจำเลยนั้น เป็นคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้เองแม้ในคดีเรื่องหนึ่งจำเลยจะได้เคยต่อสู้คือ อ้างว่าหนังสือสัญญาปลอม แต่ต่อมาคดีนั้นถึงที่สุด โดยศาลฟังว่าหนังสือสัญญานั้นไม่ปลอม และหนังสือสัญญาที่ว่านี้ได้ทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เพราะจำเลยได้รับรองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้วด้วย เช่นนี้ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิตามที่บุคคลนั้นทำให้ไว้แก่จำเลยด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อจำเลยเสียหายในการที่บุคคลนั้นโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวไปโดยสมยอมกับผู้ซื้อจำเลยก็ย่อมมีสิทธิอ้างความเป็นโมฆะอันเกิดจากการซื้อขายในการสมยอมนั้นขึ้นต่อสู้คดีได้
(2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอเป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจากการโอนทรัพย์สิน โมฆะกรรม และการแสดงเจตนาลวง
(1) ข้อต่อสู้ของจำเลยกับสิทธิของจำเลยนั้นเป็นคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้เอง แม้ในคดีเรื่องหนึ่งจำเลยจะได้เคยต่อสู้ คืออ้างว่าหนังสือสัญญาปลอม แต่ต่อมาคดีนั้นถึงที่สุด โดยศาลฟังว่าหนังสือสัญญานั้นไม่ปลอม และหนังสือสัญญาที่ว่านี้ได้ทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพราะจำเลยได้รับรองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้วด้วยเช่นนี้ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิตามที่บุคคลนั้นทำให้ไว้แก่จำเลยด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้น เมื่อจำเลยเสียหายในการที่บุคคลนั้นโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวไปโดยสมยอมกับผู้ซื้อ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิอ้างความเป็นโมฆะอันเกิดจากการซื้อขายในการสมยอมนั้นขึ้นต่อสู้คดีได้ (2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอก็เป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวงในการซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฎว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฎว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง
of 9