พบผลลัพธ์ทั้งหมด 241 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6520/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม จำเลยต้องแสดงเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นตามกำหนด
คำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยอ้างว่าจำเลยมีการศึกษาน้อยจึงไม่ทราบวิธีดำเนินกระบวนพิจารณาคดีและมิได้โต้แย้งทักท้วงการยื่นบัญชีระบุพยานของทนายจำเลยนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจำเลยกับทนายของจำเลยเองส่วนข้อที่อ้างว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าจะต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของจำเลยว่าพยานหลักฐานได้มีอยู่นั้นจำเลยมิได้แสดงถึงเหตุอันสมควรให้ฟังได้ว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนอย่างไรและมิได้แสดงถึงเหตุที่จำเลยไม่ทราบว่าพยานหลักฐานได้มีอยู่ไว้ในคำร้องตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคสามกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: เหตุสมควรอนุญาตยื่นได้ แม้ไม่ปรากฏเจตนาขาดนัด
เมื่อศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิที่จะแจ้งต่อศาลถึงเหตุที่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199ถ้าศาลเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจ หรือมีเหตุอันสมควรประการอื่นให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ และในการวินิจฉัยว่าจะอนุญาตหรือไม่ เมื่อศาลเห็นว่ามีเหตุอันสมควรแล้ว ก็อนุญาตให้ยื่นคำให้การได้โดยไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่าจำเลยจงใจขาดนัดหรือไม่ เพราะมาตรานี้กำหนดว่าขาดนัดโดยมิได้จงใจหรือมีเหตุอันสมควรประการอื่น เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ประการใดเพียงอย่างเดียว ศาลก็มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ยื่นคำให้การได้
กรณีส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2535 จำเลยต้องยื่นคำให้การในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535ระหว่างนั้นจำเลยได้ติดต่อทนายความ แต่ยังมิได้แต่งตั้งให้ดำเนินคดีโดยทนายความสั่งให้จำเลยหาหลักฐานมาก่อน ในวันที่ 29 ตุลาคม 2535 จำเลยป่วยได้ผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ซ้ายที่โรงพยาบาล วันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 จึงได้ออกจากโรงพยาบาลและแพทย์ลงความเห็นว่าควรพักผ่อนอีก 30 วัน และคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินจากจำเลยเป็นเงิน 89 ล้านบาทเศษ กรณีเช่นนี้นับว่ามีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้
กรณีส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2535 จำเลยต้องยื่นคำให้การในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535ระหว่างนั้นจำเลยได้ติดต่อทนายความ แต่ยังมิได้แต่งตั้งให้ดำเนินคดีโดยทนายความสั่งให้จำเลยหาหลักฐานมาก่อน ในวันที่ 29 ตุลาคม 2535 จำเลยป่วยได้ผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ซ้ายที่โรงพยาบาล วันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 จึงได้ออกจากโรงพยาบาลและแพทย์ลงความเห็นว่าควรพักผ่อนอีก 30 วัน และคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินจากจำเลยเป็นเงิน 89 ล้านบาทเศษ กรณีเช่นนี้นับว่ามีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4285/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนคำสั่ง ศาลต้องไต่สวนหากจำเลยอ้างเหตุสมควร
จำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่1ขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้เสมียนทนายมาแล้วแต่เสมียนทนายไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลในการขอเลื่อนสืบพยานจำเลยเพราะหลงลืมทั้งในคำร้องได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไว้ด้วยคำร้องของจำเลยที่1จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้วการที่เสมียนทนายไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดีหรือการที่เสมียนทนายปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของเสมียนทนายไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนับมาศาลได้หรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา209ศาลชั้นต้นต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3567-3568/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละทิ้งหน้าที่งานต่อเนื่องโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นเหตุให้เลิกจ้างได้ ศาลยืนตามคำตัดสินเดิม
การที่ผู้คัดค้านทั้งสองเข้ามาในสถานประกอบการของผู้ร้องมีการลงบันทึกเวลาเข้าและออกจากที่ทำงานและมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองแต่เมื่อผู้คัดค้านทั้งสองไม่ยอมเข้าทำงานตามที่ผู้ร้องมอบหมายถือได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยปราศจากเหตุอันสมควรผู้ร้องกล่าวในคำร้องโดยชัดแจ้งว่าผู้คัดค้านทั้งสองละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาเกินกว่า3วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุสมควรจึงเป็นมูลเหตุที่ผู้ร้องประสงค์เพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้เลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองดังนั้นที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองได้จึงไม่เป็นการวินิจฉัยขัดต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อจำเลยในคำฟ้อง: ศาลอนุญาตแก้ไขได้หากมีเหตุสมควร แม้ไม่ตรงตาม มาตรา 179
การขอแก้ไขคำฟ้องที่ระบุไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 เป็นเพียงตัวอย่างที่คู่ความจะขอแก้ไข เมื่อมีเหตุ อันสมควรย่อมกระทำได้แม้ไม่ใช่เป็นเหตุที่ระบุไว้ตามมาตรา 179 ก็ตาม โจทก์เพิ่มเติมชื่อจำเลยที่ 2 อีกชื่อหนึ่งว่า"นางสาววันทนีย์" เพื่อให้ชื่อของจำเลยที่ 2 ชัดเจนขึ้นขอแก้ไขนามสกุลของจำเลยที่ 2 จาก "ตันทวานิช"มาเป็น"แซ่ฉั่ว"เพื่อความถูกต้อง เพราะนามสกุลตันทวานิชเป็นของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีต่างบุคคลกัน โจทก์จึงมีสิทธิเพิ่มเติมชื่อจำเลยที่ 2 และแก้ไขชื่อสกุลของจำเลยที่ 2 ให้ชัดเจนและถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเอง: การตอบโต้ด้วยอาวุธเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายร่างกาย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้ง เพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้ว เป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.อ. มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การใช้อาวุธเพื่อยับยั้งการทำร้ายเป็นเหตุสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกาย จำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1830/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลหลังศาลอนุญาตให้สืบหาจำเลย – เหตุสมควรให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องไว้ในวันที่ 25 มีนาคม 2537 เวลา13.30 นาฬิกา แต่ปรากฏว่าส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลยไม่ได้เพราะไม่พบจำเลย และจำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง ก่อนวันนัดทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อดำเนินการต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้สืบหาภูมิลำเนาจำเลยได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2537 ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคหนึ่งดังนี้ เห็นได้ว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบหาภูมิลำเนาจำเลยจนถึงวันที่ 31มีนาคม 2537 จึงมีเหตุทำให้โจทก์เชื่อว่าศาลไม่อาจทำการไต่สวนมูลฟ้องในวันนัดนั้นได้ เพราะยังไม่ได้ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย ถือว่ามีเหตุสมควรให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1830/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสมควรยกคดีไต่สวนมูลฟ้องใหม่: ศาลอนุญาตสืบหาจำเลย & เชื่อว่ายังไม่ส่งหมายนัด
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องไว้ในวันที่25มีนาคม2537เวลา13.30นาฬิกาแต่ปรากฏว่าส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลยไม่ได้เพราะไม่พบจำเลยและจำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้องก่อนวันนัดทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อดำเนินการต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้สืบหาภูมิลำเนาจำเลยได้จนถึงวันที่31มีนาคม2537ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคหนึ่งดังนี้เห็นได้ว่าการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบหาภูมิลำเนาจำเลยจนถึงวันที่31มีนาคม2537จึงมีเหตุทำให้โจทก์เชื่อว่าศาลไม่อาจทำการไต่สวนมูลฟ้องในวันนัดนั้นได้เพราะยังไม่ได้ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยถือว่ามีเหตุสมควรให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9062/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่ามีดคัตเตอร์เป็นอาวุธตามกฎหมาย และความผิดฐานพาอาวุธในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร
มีดคัตเตอร์ ยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวมีดกว้างประมาณ 2 นิ้วเป็นมีดคัตเตอร์ ขนาดใหญ่ จำเลยมีเจตนาจะใช้อย่างเป็นอาวุธ จึงเป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(1)เมื่อจำเลยใช้พาติดตัวไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จึงมีความผิดตามมาตรา 371