พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การนอกกรอบเวลา และการอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อเลี่ยงความรับผิดในสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดแจ้งในคำให้การแต่แรกอยู่แล้วจึงเป็นคำร้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180(2) ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลย จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งจำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การนอกระยะเวลา และการอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อเลี่ยงหนี้สัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดแจ้งในคำให้การแต่แรกอยู่แล้ว จึงเป็นคำร้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180(2) ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง จำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้.
จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง จำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การอ้างโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเป็นคดีความสงบเรียบร้อย ศาลต้องพิจารณาตามขั้นตอน
การขอแก้ไขคำให้การโดยอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเป็นคดีเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะยื่น คำร้องในวันชี้สองสถานก็ไม่ต้องห้าม แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้ดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 ศาลฎีกาจึงให้ ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การ: เหตุผล, ความล่าช้า, และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน ต่อสู้ในเรื่องดอกเบี้ยเพิ่มเติมว่าโจทก์คิดไม่ถูกต้องทั้งอัตราและจำนวน โดยอ้างเหตุที่ขอแก้ไขว่าจำเลยพิมพ์ตกไปจากที่ร่างไว้ ดังนี้เป็นเหตุที่เกิดจากความบกพร่องไม่สนใจของจำเลยเอง มิใช่เหตุที่ไม่อาจรู้หรือเกิดขึ้นภายหลังยื่นคำให้การแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้องของประชาชน จึงชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การนอกกรอบเวลา: เหตุผลความบกพร่องของผู้ถูกฟ้องไม่ถือเป็นเหตุแก้ไขได้
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน ต่อสู้ในเรื่องดอกเบี้ยเพิ่มเติมว่าโจทก์คิดไม่ถูกต้องทั้งอัตราและจำนวน โดยอ้างเหตุที่ขอแก้ไขว่าจำเลยพิมพ์ตกไปจากที่ร่างไว้ ดังนี้เป็นเหตุที่เกิดจากความบกพร่องไม่สนใจของจำเลยเองมิใช่เหตุที่ไม่อาจรู้หรือเกิดขึ้นภายหลังยื่นคำให้การแล้วจำเลยไม่ยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้องของประชาชน จึงชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3551/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นแก้ไขคำให้การก่อนมีคำพิพากษา ศาลต้องพิจารณาคำร้องก่อนพิพากษา
ศาลแรงงานกลางซึ่งพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดสกลนครมีคำสั่งให้งดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาวันที่14เมษายน2529จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การต่อศาลจังหวัดสกลนครเมื่อวันที่10เมษายน2529ศาลจังหวัดสกลนครส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อพิจารณาสั่งศาลแรงงานกลางได้รับคำร้องเมื่อวันที่22เมษายน2529จึงสั่งว่า'ศาลพิพากษาคดีแล้วรวม'ดังนี้คดีไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยานแม้ศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาแล้วก็ตามแต่เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้พิพากษาย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้จึงชอบที่จะได้วินิจฉัยสั่งคำร้องดังกล่าวว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหรือไม่ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปโดยมิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องและคำให้การแก้ฟ้องแย้งหลังศาลฎีกาพิพากษาให้พิจารณาใหม่ และการไม่ถือว่าเป็นการล่วงเลยการพิจารณา
คำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง คำร้องขอแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งเป็นการตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ จึงเป็นคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เมื่อคู่ความยื่นคำร้องและศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องตามมาตรา 180คำสั่งนี้จึงมีผลเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความตามมาตรา 18ซึ่งทำให้ประเด็นที่โจทก์ตั้งขึ้นโดยคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องและคำร้องขอแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งเสร็จไป โจทก์อุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามมาตรา 228(3) เพราะไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีศาลฎีกาพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้ทำการชี้สองสถานหรือทำการสืบพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะขอแก้ไขคำฟ้องและขอแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งได้กรณีไม่ใช่ล่วงเลยการชี้สองสถานและวันสืบพยานจนศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นการพิจารณาไปแล้ว เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ถูกคำพิพากษาศาลฎีกายกเสียแล้ว การขอแก้ไขคำฟ้อง โจทก์ย่อมจะขอแก้ไขได้แม้เป็นการเพิ่มเติม ข้อเท็จจริงหรือสละข้อเท็จจริงเพื่อให้ข้อหาที่ตั้ง ไว้เดิม แต่ยังคงให้จำเลยรับผิดตามเดิม ส่วนการขอแก้ไขคำให้การ แก้ฟ้องแย้ง แม้จะเป็นการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ ย่อมกระทำได้ ตามมาตรา 179(2)(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การหลังงดชี้สองสถาน/สืบพยาน และคดีรื้อถอนอาคารที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยาน จำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้ และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้อง เมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่ หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้น จึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต การดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคาร ที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้ ้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต การดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคาร ที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้ ้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การและการพิจารณาคดีแพ่งที่มิใช่คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยานจำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้องเมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตการดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคารที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับแก้ไขคำให้การ และผลของคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ถึงที่สุด
หลังจากศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงไม่รับ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตาม มาตรา 228 (3) ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตามมาตรา 236 วรรคแรก โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา