คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แก้ไขสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผัดชำระหนี้ซื้อขายที่ดิน ย่อมไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้สัญญาบังคับให้ทำเป็นหนังสือ
สัญญาจะซื้อขายที่ดินซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ นั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ขาย ยอมให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อผัดชำระเงินที่ถึงกำหนดในงวดนั้น ไปรวมชำระพร้อมกับเงินที่เหลือให้เสร็จสิ้นในวันโอนโฉนดและก็ได้ถือเอากำหนดที่ให้ผัด (จะเป็นวันใดก็แล้วแต่) มาเช่นนี้ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ เพราะเป็นเพียงกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยอมผ่อนผันให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ในการชำระเงินผัดเวลาชำระเงินงวดหนึ่งต่อไป จำเลยไม่มีสิทธิจะริบเงินและเลิกสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินเฉพาะส่วนและข้อจำกัดในสัญญาซื้อขาย ศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา
จำเลยทำหนังสือสัญญาขายที่ดิน ให้โจทก์มีข้อความว่า "การขายรายนี้เป็นการขายเฉพาะส่วนของผู้ขายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของผู้มีส่วนร่วมอื่น ทั้งไม่ทราบเขตและเนื้อที่มากน้อยเพียงใดด้วย" ซึ่งปรากฏว่าจำเลยมีส่วนอยู่ 1 ใน 4 อันเป็นส่วนเฉพาะในโฉนดที่ดินแปลงนั้น ดังนี้ จำเลยจะขอสืบว่าได้ตกลงจะขายเป็นบางส่วนของตนไม่ได้ เพราะเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ส่วนหนึ่งไม่สมบูรณ์บังคับได้ มิใช่การแก้ไขสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 15,000 บาท และว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามวันกำหนดบัดนี้ถึงวันกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริง แต่กู้และรับเพียง 10000 บาท ที่เขียนในสัญญาเป็น 15000 บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก 5,000 บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะ ฟ้องร้องบังคับจำเลยไม่ด้
ตามฟ้องและคำให้การของจำเลยดังกล่าวฝ่ายจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วยเพราะมิใช่เป็นการสืบแก้สัญญา แต่เป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ศาลจึงไม่ควรด่วนงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษา แต่จะต้องให้สืบพยานกันต่อไปตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อพิพาทเรื่องดอกเบี้ยเกินอัตราในสัญญากู้ ไม่เป็นการแก้ไขสัญญา แต่เป็นการแสดงว่าหนี้ไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 15,000 บาทและว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามวันกำหนดบัดนี้ถึงวันกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริงแต่กู้และรับเพียง 10,000 บาทที่เขียนในสัญญาเป็น 15,000 บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราในกฎหมายบวกไว้อีก 5,000 บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะฟ้องร้องบังคับจำเลยไม่ได้
ตามฟ้องและคำให้การของจำเลยดังกล่าวฝ่ายจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราในกฎหมายบวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วยเพราะมิใช่เป็นการสืบแก้สัญญาแต่เป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ศาลจึงไม่ควรด่วนงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาแต่จะต้องให้สืบพยานกันต่อไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดิน: การพิจารณาผลของคำพิพากษาเดิมและการแก้ไขสัญญาซื้อขาย
โจทก์จำเลยตกลงปราณีประนอมยอมความกันต่อศาล และศาลพิพากษาตามยอมว่าที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายด้านกว้างยาวและทิศติดต่อปรากฎตามหนังสือสัญญาซื้อขายตามบัญชีท้ายคำร้องรวมเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 45 วา เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ เหลือที่ดินนอกสัญญาซื้อขายให้เป็นกรรมสิทธิกับจำเลยต่อไป แต่มิได้มีการทำแผนที่ในคดีไปตามข้อตกลงของคู่ความ หาได้พิพากษาแสดงกรรมสิทธิของจำเลยว่ามีอยู่แค่ไหนเพียงไรไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฎว่าเนื้อที่ตามสัญญาซื้อขายที่ยอมความกันนั้น เจ้าพนักงานลงเนื้อที่ผิดไป โจทก์ได้ขอให้แก้เสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 46 วา แล้วโจทก์ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากมารดาจำเลย แล้วสามีโจทก์กับโจทก์ได้ปกครองที่แปลงนี้ ต่อมาจำเลยมาขัดขวางสิทธิโดยไปร้องขอจัดการมรดกมารดาจำเลย ขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งปรากฎในคดีก่อนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนี้ เป็นมรดกของสามีโจทก์ตกเป็นของโจทก์และบุตร ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญาสัญญาประนีประนอมด้วยสัญญาปากเปล่าได้ หากกฎหมายไม่ได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ
ป.วิ.พ.มาตรา 94 บัญญัติห้ามการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง คือในกรณีที่กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือเท่านั้น
สัญญาประนีประนอมที่ทำกันก่อนใช้ป.พ.พ.บรรพ 3 นั้น ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือไว้แล้วก็ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าคู่กรณีได้ตกลงแก้ไขสัญญาประนีประนอมนั้นเสียใหม่แล้วด้วยสัญญาปากเปล่าได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานเพิ่มเติมแก้ไขข้อความในสัญญา แม้ไม่ใช่ผู้ทำสัญญา ก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เอกสารสัญญากู้มีข้อความชัดแล้วว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจริงและจำเลยได้ลงลายมือชื่อให้ไว้เป็นหลักฐานจำเลยจะขอสืบพยานว่าความจริงเป็นเงินหุ้นลงส่วนกันมิใช่เงินกู้ดังนี้เป็นการสืบเพิ่มเติมแก้ไขต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 หาได้มุ่งหมายห้ามเฉพาะแต่ฝ่ายผู้อ้างเอกสารเท่านั้นที่จะสืบเพิ่มเติมแก้ไขแม้ฝ่ายที่ไม่ได้นำหรืออ้างเอกสารมาก็อยู่ในบทบังคับแห่งมาตรานี้ดุจกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบตามคำสั่งศาล & การตีความสัญญาซื้อขาย: ข้อโต้แย้งการแก้ไขสัญญาไม่ใช่การแก้ไขเอกสาร
คู่ความโต้แย้งกันในเรื่องกำหนดหน้าที่นำสืบไว้ในรายงานพิจารณาของศาล แต่เมื่อศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนแล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลประการใดนั้น เป็นคำโต้แย้งระหว่างคู่ความ ไม่ใช่โต้แย้งคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
สัญญาซื้อขายโรงเลื่อยซึ่งมีบัญชีสิ่งของแนบท้ายสัญญาและในตอนท้ายบัญชีมีข้อความว่า 'เครื่องอะไหล่ที่ไม่แจ้งในบัญชีมีเล็กน้อยเมื่อรับโอนแล้วยังมีเหลือเท่าใดผู้ขายจะมอบให้' ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าสิ่งของตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเครื่องอะไหล่เล็กน้อยตามข้อความในตอนท้ายบัญชีนั้นเป็นเรื่องสืบอธิบายข้อความในสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องสืบแก้ไขเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญาสื้อขายที่ดินด้วยพยานบุคคลขัดต่อข้อห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 และการชำระหนี้ขายฝาก
ผู้ขายฝากได้ขายที่ดินไว้ 2200 บาท แล้วผู้ขายฝากแบ่งที่ดินขายไห้ผู้รับซื้อฝากปรากตามหนังสือสัญญาซื้อขายเปนเงิน 740 บาท ที่ดินที่เหลือมิได้แก้ทเบียนเพิกถอนการขายฝาก จะสืบพยานบุคคลว่า ผู้รับซื้อที่ดินเปนราคา 2200 บาทเปนการชำระหนี้ขายฝากสิ้นเชิงนั้นเปนการยอมไห้สืบพยานบุคคลแก้ไขหนังสือสัญญาโดยตรงต้องห้ามตามประมวนวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญาซื้อขายฝากด้วยพยานบุคคลขัดต่อข้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ขายฝากได้ขายที่ดินไว้ 2,200 บาท แล้วผู้ขายฝากแบ่งที่ดินขายให้ผู้รับซื้อฝาก. ปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายเป็นเงิน 740 บาท. ที่ดินที่เหลือมิได้แก้ทะเบียนเพิกถอนการขายฝาก. จะสืบพยานบุคคลว่า ผู้รับซื้อที่ดินเป็นราคา 2,200 บาทเป็นการชำระหนี้ขายฝากสิ้นเชิงนั้นเป็นการยอมให้สืบพยานบุคคลแก้ไขหนังสือสัญญาโดยตรงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94.
of 8